วันที่ 5 มิ.ย.63 พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ. กิตติพงษ์ ยี่วาศรี ผกก.สภ.ห้วยผึ้ง พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และแพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยผึ้ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณบ้านชายทุ่งไม่มีเลขที่ ติดกับถนนทางออกบ้านหนองขอนแก่น-หนองอีบุตร ต.หนองอีบุตร อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ หลังได้รับแจ้งว่าพบศพนายสวัสดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 75 ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตอยู่พื้นดินหน้ายุ้งฉางข้าว
สภาพศพมีบาดแผลถูกของแข็งตีที่บริเวณศีรษะเป็นแผล และศีรษะยุบ จนเสียชีวิต ใกล้กันพบค้อนตอกตะปูเปื้อนเลือดตกอยู่และท่อนไม้ เป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
สืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายอัครเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี เป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต และหลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักในพื้นที่บ้านหนองอีบุตร หมู่ที่ 1 ต.หนองอีบุตร อ.ห้วยผึ้ง
เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่นายสวัสดิ์ พักอาศัยอยู่บ้านชายทุ่งที่เกิดเหตุ นายอัครเดช ซึ่งสติไม่ดีเนื่องจากเสพยาบ้าจนหลอน และมีประวัติในการรักษาทางประสาท ขี่รถจักรยานยนต์มาจอด เพื่อจะมาเอาข้าวเปลือกจากยุ้งฉางไปขายเพื่อซื้อยาเสพติดมาเสพ แต่ระหว่างนั้นลูกชายได้ขอกุญแจเปิดยุ้งฉางจากพ่อ แต่พ่อไม่ให้จึงมีปากเสียงกัน ทำให้ลูกชายอาศัยจังหวะพ่อเผลอใช้ค้อนทุบบริเวณศีรษะพ่อบังเกิดเกล้าหลายครั้ง จนล้มลงแน่นิ่งเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนที่จะนำเอากุญแจไปเปิดและนำข้าวเลือกไปขาย 2 รอบ ต่อมาหลานสาวผู้เสียชีวิตมาพบกลายเป็นศพ และเจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นนายอัครเดช ให้การว่าก่อเหตุจริง แต่ยังให้การวกวนเนื่องจากอยู่ในอาการหลอน
พล.ต.ต.สมนึก เผยว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุพบว่าเคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาท เนื่องจากเสพยาเสพติดมานาน แต่รักษาออกมาก็กลับมาเสพและอาการหลอนอีก บ่อยครั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เนื่องจากเกิดอาการหลอนและพ่อขัดใจ ซึ่งเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตและครอบครัวค่อนข้างมีฐานะดี และครอบครัวพยายามรักษาผู้ก่อเหตุ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น
จีงฝากเตือนไปยังประชาชนหากมีคนในครอบครัวมีอาการและพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้นอีก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าบุพการีถึงแก่ความตาย พร้อมกับนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
