สำหรับคู่รักคนบันเทิงอย่างหนุ่ม "กัน นภัทร" และสาว "มารี เบิร์นเนอร์" ก็กลับมาสวีทหวานรักกันอีกครั้งแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเรื่องระหองระแหงกันจนทำให้ต้องห่างกันสักพัก ซึ่งช่วงนั้นก็มีหลายกระแสที่ลือ บ้างก็บอก ฝ่ายชายมีมือที่ 3 แน่ๆ บ้างก็บอกว่าครอบครัวฝั่งหนุ่มกันไม่ปลื้มฝ่ายหญิง หรือแม้กระทั่งบอกว่า ตั้งใจสร้างกระแสเพื่อจะปล่อยเพลงใหม่นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “มารี เบิร์นเนอร์” แจงชัดไม่มีมือที่3 ปมรักร้าว!!
- พี่สาว "กัน นภัทร" ลั่น "บ้านเราล้อมรั้วไว้ดีอยู่แล้ว" หลังข่าวลือครอบครัวไม่ปลื้ม "มารี เบิร์นเนอร์"
- สู้ต่อไปด้วยกันอีกครั้ง! "กัน นภัทร" แจมปมปัญหาระหว่างทางรัก "มารี เบิร์นเนอร์"
วันนี้ (24 มิถุนายน 2563) ได้เจอหนุ่มกัน ก็เลยถามถึงเรื่องราวทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าตัวก็บอกว่า สาเหตุของการระหองระแหงกันในครั้งนั้นเป็นปัญหาระหว่างตนกับมารี ที่ไม่เข้าใจกันและกัน ซึ่งตนเชื่อว่าต้องเจอปัญหานี้กันทุกคู่
ส่วนเรื่องครอบครัวตนยืนยันได้เลยว่าไม่เคยมีปัญหากัน ตนรักใคร ครอบครัวก็รักด้วย แถมยังไปเที่ยวกันอยู่บ่อยๆ สำหรับที่มองตนว่าเจ้าชู้ แต่ก่อนก็อาจจะใช่ แต่พอมาคบกับมารี ตนไม่เคยคิดมีคนอื่นเลย ซึ่งการนอกใจ จะเป็นปัญหาเดียวที่ไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ในส่วนที่พี่สาวตนโพสต์ออกไป ตนต้องขอโทษด้วย ที่เขามีการตีความที่ผิดไป แต่ตนอยากจะอธิบายว่าคนนอกรั้ว พี่สาวหมายถึงคนที่ไม่เคยรู้จักตนจริงๆ ยอมรับว่าพอเจอเรื่องแบบนี้ ตนมานั่งคุยกันในครอบครัวเลยว่า ถ้าอนาคตไปต่อกันไม่ได้จริงๆ ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก คือครอบครัวโดนถล่ม พ่อ แม่ พี่สาว โดนต่อว่า ซึ่งพวกเขาก็เครียดมาก เพราะไม่เคยเจอ ตนเลยอยากจะบอกว่ามีอะไรให้มาลงที่ตนคนเดียว
ด้านเพลง มาลี ที่ปล่อยออกมาในช่วงนั้นก็ทำไว้นานแล้ว แต่จังหวะมันพอดีกันคนเลยมองว่าเลิกกันโปรโมทเพลง ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่
ถามว่าตอนนี้กลับมาแล้วดีกว่าเดิมไหม ก็เรียกได้ว่าดีกว่าเดิม แต่ก็จะไม่คาดหวังอะไรมาก ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยที่กลับมาเรียก แฟน ได้เหมือนเดิมก็เกิดจากพวกตนนั่งคุยกันว่าจะลองสู้กันอีกสักครั้งไหม ซึ่งก็เห็นตรงกันจึงกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกรอบถามเรื่องราวที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นถึงรักสะดุด? “เป็นเรื่องมีปัญหากันระหว่างผมกับมารี ในการคบกัน ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นปัญหาของทุกคนที่มีชีวิตคู่ อาจจะมีปัญหาไม่เข้าใจกันบ้าง ทำให้เกิดปัญหาในวงกว้าง คนรอบข้างด้วย ก็ได้รับผลกระทบจากคนข้างนอกที่เข้ามาหาครอบครัวเราเยอะเหมือนกัน”
จริงๆคือแค่งอนกัน? “จริงๆแล้วก็ยอมรับว่าเรามีโอกาสได้พูดคุยตกลงกัน ตอนแรกจะมีการถอยคนละก้าว จากปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเราสองคนนี่ล่ะที่ไม่เข้าใจกันและกัน เลยคุยกันว่าเราจะลองลดสถานะลง พอมันเกิดฟีดแบ็กจากการทีน้องลบรูปในไอจี เลยทำให้คนไปตีความว่าเลิกกันแล้ว ใส่เยอะมาก มีข้อความคอมเมนต์รุนแรงมากๆถึงตัวผมและครอบครัวผมว่าฝั่งครอบครัวผู้ชายรึเปล่าที่เป็นต้นเหตุ ผมก็ต้องบอกเลยว่าเป็นปัญหาของผมกับมารีสองคน ครอบครัวของผมไม่เคยไม่ต้อนรับเขาเลย อีกบ้านก็มีโอกาสไปเที่ยวกัน แต่เราสองคนมีปัญหากันจริงๆ พอเกิดปัญหานี้ขึ้นเราก็มีโอกาสได้มานั่งคุยกัน เราไม่ได้ขาดการติดต่อกัน ก็คุยกันเหมือนเดิม แต่ว่าเราลองปรับกันมั้ย คุยกันมั้ย ช่วงที่ผมหายไปเป็นช่วงที่เราตัดสินใจก่อน เราพยายามแก้ปัญหาที่มันเกิดขึ้นระหว่างเราให้มันลงตัวที่สุด เราไม่อยากออกมาพูดอะไรเร็วๆ เพราะเราไม่รู้ว่าถ้าเราพูดออกไปมันใช่คำตอบที่เราต้องการรึยัง เลยลองแก้ปัญหาเองให้จบก่อน เลยออกมาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เรายอมรับว่าถอยคนละก้่วจริงๆแต่วันนี้เราก็พยายามลองสู้กันใหม่ ลองเร่ิมต้นใหม่ให้ดีที่สุดก่อน”
ตอนนั้นมีข่าวลือว่ากันมีคนอื่น? “ไม่มีครับ โอเค ภาพผมที่ผ่านมาๆอาจจะเป็นอย่างที่คนมองว่าเจ้าชู้บ้างอะไรบ้าง แต่กับคนนี้ กับมารี ผมไม่เคยคิดมีคนอื่นเลย ไม่เคยคิดนอกใจ นี่จะเป็นปัญหาเดียวที่จะไม่เกิดขึ้นในช่วงที่เราคบกัน ผมตั้งใจมากๆ ไม่ใช่ปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องของการมีคนอื่นแน่นอน”
พอกันไม่ได้ออกมาตอบ คนเลยถล่มเรา ถล่มครอบครัวเรา เรารู้สึกอย่างไรบ้างเพราะพี่สาวเราก็ออกมาปกป้องครอบครัว? “ก็รู้สึกดาวน์นิดหน่อย จริงๆผมอาจจะเจอเรื่องนี้มาเยอะนะกับการเลิกกับใครก็มีคนถล่ม แต่ครั้งนี้ค่อนข้างหนักมากๆแล้วไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ลามไปถึงครอบครัวผมที่เขาไม่ได้พร้อม ไม่ได้ของแรงขนาดนั้นที่จะมารับเรื่องอะไรพวกนี้ได้ บางคนต่อว่าไปถึงแม่ผม อีกครอบครัวของผม อยากชี้แจงว่า ครอบครัวของผมรักทุกคนที่ผมรักอยู่แล้ว ไม่มีการต่อต้านหรือไม่ต้อนรับอะไรทั้งสิ้น มันคือปัญหาของผมกับมารีเท่านั้นจริงๆ อย่างพี่สาวผมที่เขาโพสต์ออกไป ผมก็ต้องขอโทษแฟนๆคนอื่นด้วยที่เขามีการตีความที่ผิดไป จะบอกว่าคนนอกรั้วเขาหมายถึงคนที่ไม่เคยรู้จักผมจริงๆ และเอาแต่ว่าผมเอาแต่ด่าผมมาถึงครอบครัว หมายถึงแค่พวกนั้นแต่ว่าคนที่รักผมติดตมผลงานผมที่ไม่ใช่แฟนคลับ เขาก็ยังต้อนรับและผมก็ขอบคุณมากๆที่เขาให้กำลังใจผมเสมอ”
ตอนนั้นคุยกันในครอบครัวอย่างไรบ้าง? “นั่งคุยกันเลยครับว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้ไปต่อด้วยกัน มันก็ต้องมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เรื่องของกระแสต่างๆที่จะเข้ามาหาเรา แต่ว่าเราก็ต้องยอมรับให้ได้ครับ เพราะมันคือชีวิตของเรา เราต้องยอมรับกับคนข้างนอกที่ไม่ได้เข้าใจเราจริงๆ ก็ต้องทนให้ได้ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผมโอเคเพราะผมผ่านเหตุการณ์ที่มาเยอะ แต่ครอบครัวผมไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล้วพอมันเข้ามาเยอะๆแม่ผมก็เครียด พ่อก็เครียด อยากบอกทุกคนว่าจะว่าอะไรก็ว่ามาที่ผมคนเดียว ไม่อยากให้ลามไปถึงครอบครัวผม”
เห็นว่าตอนนั้นกันนอยด์มากที่เห็นคุณแม่เศร้า? “ใช่ครับผมยอมรับว่ามีนอยด์มากๆไปพักนึงที่เห็นครอบครัวผมแอบเศร้าแอบไม่สบายใจ กลับไปบ้านก็ไม่ค่อยคุยกัน ทุกคนจะนิ่งๆ ผมก็พยายามบอกเขาว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแม่ เราก็รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เราเป็นยังไง คนที่รู้จักเราจริงๆรู้ว่าเราเป็นยังไงก็พอแล้ว”
ส่วนตัวเราโดนอะไรไม่เป็นไร แต่ห่วงคนรอบข้างที่โดนไปด้วย? “เราเป็นอะไรไหม ก็เป็นนะ” สภาพจิตใจตอนนั้นเป็นยังไง? “ยอมรับว่าก็มีดาวน์บ้าง เพราะผมอ่านเยอะมาก แต่หลังๆพยายามเรียกข้อความที่เขาเตือนเรา ติเราในมุมที่เราไม่ดีจริงๆ อันไหนที่มันเกินความพอดีเราก็พยายามตัดทิ้งไป แต่ค่อนข้างหนักไปที่ครอบครัว เราเป็นห่วงครอบครัว มากกว่า ทัั้งครอบครัวจริงๆและครอบครัวแม่บุญธรรมของผมด้วยที่เขามาเจอเหตุการณ์แบบนี้”
ช่วงนั้น มีเพลงปล่อยออกมา คนมองว่าเลิกกันโปรโมตเพลงรึเปล่า? “ไม่ใช่ครับ คือเพลง “มาลี” ที่ปล่อยออกมาตอนนั้น เราทำกันมานานแล้ว ทำตอนที่ยังดีกันอยู่เลย แต่งเพลงขึ้นมาในรายการโต๊ะแชร์ ของน้องตั้ม น้อมโดม แต่จังหวะที่ปล่อยเพลง เป็นจังหวะฟลุคพอดีที่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี คนเลยไปตีความว่าเฮ้ย ปล่อยเพลง โปรโมตเพลง ทำให้มีกระแสโปรโมตเพลงรึเปล่า จริงๆแล้วไม่ใช่
จุดที่ทำให้กลับมารักกันอีกครั้งหนึ่งคืออะไร? “คือเรามานั่งคุยกันก่อน มานั่งแก้ปัญหากันว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ดี อะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีของแต่ละคน เราจะปรับให้กันได้ไหม เราจะลองสู้กันอีกครั้งไหม ก็ตกลงกันว่าเราก็ลองสู้กันอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง”
กลับมาแล้วดีกว่าเดิมไหม? “ก็ดีกว่าเดิมครับ แต่ว่าเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก พยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องดีมากขนาดไหน เราพยายามประบปรุงแก้ไขในสิ่งที่เราไม่ดี สิ่งที่พยายามทำให้ดีขึ้นก็เต็มที่กับมัน ถ้าวันหนึ่งมันจะไม่ใช่ก็ต้องยอมรับมัน”
กลัวไหมว่าถ้าวันหนึ่งมีปัญหากันอีกครั้ง สังคมก็ต้องจับตามองอีก? “กลัวไหม ตอนนี้ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วครับ ผมเชื่อว่านี่เป็นกระสบการณ์หนึ่งที่เราเจอกันมา ผมก็พยายามบอกว่าถ้าเกิดว่าวันหนึ่งมันไม่ใช่ ก็ไม่ได้อยากให้โซเชียลขนาดนี้ ก็คงตัดสินใจด้วยกันสองคน แค่นั้น เพราะมันส่งผมลามไปถึงคนอื่นเยอะ”
อยากบอกอะไรกับคนที่ไม่เข้าใจความรักของเราแล้วอาจจะโจมตี? “ผมเข้าใจว่าคนหลายๆคนอาจจะไม่ได้เข้าใจความรักระหว่างเราสองคน หรือไม่ได้เข้าใจในการกระทำของเราหรือของผม ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกคนไม่ได้รู้จักผมเสมอไป แต่ก็อยากบอกว่าอยากให้ทุกคนลองเข้าใจในสิ่งที่มันเกิด ผมก็เป็นคนๆหนึ่ง มีความรู้สึก เสียใจเป็น น้อยใจเป็น อยากให้ทุกคนจะพิมพ์อะไร ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว ตอนนี้เวลาพิมพ์อะไรไปมันมีคนที่ได้รับผลกระทบจากกระแสเยอะ คนบางคนเขาไม่ได้แข็งแรงพอ อย่างครอบครัวผมเขาได้รับผลกระทบและยังคิดมากอยู่ ฉะนั้นอยากให้ทุกคนคิดนิดหนึ่งก่อนจะพิมพ์ถึงใคร หรือจะว่าใคร เพราะมันมีผลกับเขาเยอะ แต่ก็ขอบคุณทุกกำลังใจมากกว่าที่ยังคงเข้าใจผม เข้าใจน้องอยู่ อยากให้สนับสนุนผลงานต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดทุกเรื่อง เรื่องความรัก เรื่องการงานต่างๆ”
ตอนนี้ยังเรียกแฟนเหมือนเดิม? “เหมือนเดิมครับ เรียกแฟนเหมือนเดิม”