ตามกันต่อกับประเด็นดราม่าร้อนระอุของเน็ตไอดอลแห่งปี “สิตางศุ์ บัวทอง” เจ้าของตำนาน “สัมหยุด หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น” ที่จู่ๆก็มีโพสต์ของผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งใช้ชื่อว่า “Tar Harley” หรือ “นักร้องนำ วงดนตรีสาบควาย” ออกมาแฉแหลกแบบไม่มีอะไรกั้นว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-อดีตคนขับรถ 'สิตางศุ์' เปิดหมดเปลือก พูดเองเคยติดคุกมา
- “สิตางศุ์” ถูกอดีตเพื่อนร่วมงานแฉ!! เคยผ่านคดีร้ายแรงมา!!
- “สิตางศุ์” งานเข้าโดนแฉฆ่าซุกศพ เจ้าตัวปัดพัลวันแถมขู่ฟ้อง คนสนิทเผยพบรักในคุก
วันนี้ (20 มิถุนายน 2563) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ของนักข่าวสายบันเทิงที่จะต้องจ่อไมค์สัมภาษณ์แหล่งข่าว ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังว่าเคยฆ่าคนจริงตามข่าวลือหรือเปล่า? งานนี้แม่สิตางศุ์ก็ขอเคลียร์ชัดกลางอีเวนท์ด้วยท่าทีที่เหนื่อยจากการตอบเรื่องนี้จนจะอาเจียนตลอดเวลาว่าทุกเรื่องที่อีกฝ่ายโพสต์นั่นไม่ใช่เรื่องจริง และสันนิษฐานว่าคนที่โพสต์น่าจะอยากมีกระแสด้วยการเกาะเธอดังมากกว่า ในส่วนของเรื่องสัญญาที่ระบุนั้นยอมรับว่ามีการร่างขึ้นจริงตั้งแต่กระแส “สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ” เนื่องจากตอนนั้นตนไม่มีผู้ติดตามเหมือนปัจจุบันและอีกฝ่ายก็พยายามตามเธอไปที่งานต่างๆเพื่อชักชวนให้มาร่วมงานด้วย เธอก็เห็นว่าเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตและคิดว่าไลฟ์สไตล์จะง่ายๆเหมือนกัน จึงมีการพูดคุยกันถึงสัญญาที่อีกฝ่ายร่างมาทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน ซึ่งหลักๆจะเป็นการระบุให้สิตางศุ์ไปเป็นผู้จัดการค่ายเพลงแนวอินดี้ให้กับอีกฝ่าย ทำหน้าที่ขายงานให้กับศิลปินในค่ายพร้อมๆกับการออกงานของเธอ รวมแล้วงานละ 3 ชั่วโมง จึงตกลงปลงใจเซ็นสัญญากันเพราะมองว่าไม่ได้ผูกมัดอะไร ไม่มีค่าจ้างตายตัวและไม่ระบุจำนวนปีนั่นเอง
เวลาผ่านไปชื่อของ “สิตางศุ์ บัวทอง” ก็เริ่มมีชื่อเสียง เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาไปร่วมงานกัน อีกฝ่ายจึงตัดสินใจโทรมายกเลิกสัญญา ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายสิ้นสุดลง แต่จู่ๆก็มีน้องที่สนิทของเธอถามมาว่า
“ทำไมแม่สิตางศุ์ไม่ไปทำงานกับอีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายเริ่มกลับมาบ่นแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เธอจึงคาดว่าดราม่าอาจจะเกิดจากคู่กรณีไม่มีงาน เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน จึงออกมาโพสต์แฉและตีความไปว่าถูกสิตางศุ์โกง ทำให้เธอต้องออกมาตอบคำถามกับสื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนี้เจ้าตัวยังบอกว่าบ้านของอีกฝ่ายอยู่ในระแวกด้วยกับเธอ ก่อนหน้านี้เขาก็มาตะโกนระรานตลอด ตนก็พยายามไล่เพราะเหนื่อยจากการทำงานมามากพอแล้วไม่มีเวลามายุ่งกับอีกฝ่ายและเลือกที่จะตัดการติดต่อด้วยการลบเพื่อนในเฟสบุ๊กของอีกฝ่ายออกไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะมองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องร่วมงานกันต่อ สัญญาก็ไม่ได้ผูกมัดและตอนนั้นเจ้าตัวเผยว่าตนงานน้อยมาก ถึงกับต้องลดค่าตัวลงหลายหมื่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใดใดด้วยซ้ำ แต่ในเวลาไม่นานโชคก็กลับมาหาเธออีกรอบพร้อมกับการแจ้งเกิดของสิตางศุ์ในวลี “ตำนานส้มหยุด” นั่นเอง ทำให้คู่กรณีกลับมาโพสต์ถึงเธอเพราะเห็นว่าสามารถเรียกกระแสให้ตัวเองได้นั่นเอง เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ (19 มิถุนายน 2563) หลังกลับจากทำงานก็เจอคู่กรณีขับรถมาวนและตะโกนระรานหน้าบ้านอีกรอบ แต่เธอก็ไม่ได้โต้ตอบเช่นเคย ทำได้แค่บอกกับภรรยาของอีกฝ่ายว่าควรพาสามีไปหาหมอเพราะดูจากพฤติกรรมแล้วไม่น่าปกติ
ด้านของการฟ้องร้อง “สิตางศุ์ บัวทอง” ก็ขอตอบพร้อมน้ำเสียงที่สั่นคลอนว่า
“นี่ไม่ได้เป็นการฟ้องกลับ แต่ตั้งใจจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางทนายอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐาน รวมถึงโพสต์ล่าสุดที่นัดให้เธอไปพบอีก 3 วันก็ไม่มีเหตุจำเป็นว่าจะให้ไปเพื่ออะไรด้วยซ้ำ”
พร้อมกันนี้ก็ยืนยันเลยว่าไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาต่อรองเพราะการแต่งเรื่องขึ้นมากล่าวหาคนอื่นไม่ใช่เรื่องปกติ ทั้งนี้ตนเองก็ไม่เคยอยากดัง เพราะคิดว่าตัวเองอายุเยอะแล้วบวกกับร่างกายก็ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย จึงอยากมุ่งหน้าทำบุญสร้างพระ ที่วัดเขาวงกต จ.ลพบุรี ให้สำเร็จภายใน 5 ปีนี้นั่นเองก่อนที่จะงดรับงานแล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัว ที่สำคัญ “สิตางศุ์ บัวทอง” ก็ยืนยันอีกรอบว่าตนและสามีไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมใดใดทั้งสิ้น ส่วนหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนที่อีกฝ่ายเอาออกมาโพสต์หรือจะเป็นการอ้างว่ามีชื่อเธออยู่ในเรือนจำต่างๆก็มองว่านี่คือการกระทำของคนที่ไม่รู้กฎหมายและแน่นอนว่าจะต้องถูกดำเนินความผิดแน่นอน
สุดท้ายแม่สิตางศุ์ก็แอบแซวนักข่าวเบาๆว่า
“พอเวลาผ่านไป คนลืมข่าวเก่าที่เคยให้สัมภาษณ์ในประเด็นเดียวกัน พอมีคนขุดมาพูด นักข่าวก็ประสาทอ่อน ตามสัมภาษณ์อีกรอบ ไม่ช่วยแม่กันเลย”
พร้อมกับวอนทุกคนอย่าไปใส่ใจกับพวกบ่อนทำลายผู้อื่น แต่หากใครที่เกลียดเธอก็ยินดีให้ด่า ส่วนกับคู่กรณีคนปัจจุบันก็ลั่นวาจาชัดว่า “ไม่ขอเจอกันทุกชาติไป เตรียมรับเวรกรรมที่ทำไว้เด้อ”
