จับ รปภ.ยิงรถทนายอ้างถูกฉกปาล์ม เจ้าตัวแฉจัดฉากยัดของกลางปิดปากฟ้องที่ (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ ภายในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่

หลังจากเมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. 63 มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงถล่มรถกระบะ นายชูวงศ์ มณีกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกินในจังหวัด มีเด็กชายอายุ 13 ปี ถูกลูกหลงกระสุนเข้าที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตรวจพบปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุนั้น

วันที่ 19 มิ.ย. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบถนนลูกรังระหว่างสวนปาล์ม ด้านหน้าทางเข้าพื้นที่มีป้ายขนาดใหญ่ปักไว้ ระบุการแบ่งพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (สปก.) นางดวงเดือน อายุ 32 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า วันที่ 17 มิ.ย. 63 เวลา 20.00 น. นายชูวงศ์เข้ามาหาตนที่บ้าน เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับคดีความที่สามีต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่น พูดคุยกันประมาณ 30 นาที นายชูวงศ์ก็ขับรถกระบะออกจากพื้นที่ ตนให้ลูกชายขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง แต่ระหว่างทางห่างจากบ้านของตนประมาณ 300 เมตร ขณะนั้นลูกชายตนแยกออกไปแล้ว มีเสียงปืนดังรัวราว 30 นัด ตนไม่กล้าออกไปดู เพราะกลัวถูกลูกหลง

จนมีเด็กชายอายุ 13 ปีวิ่งเข้ามาที่บ้านตน เพื่อมาหาย่าที่นั่งรออยู่พร้อมให้ช่วยดูขา เพราะมีรอยกระสุนยิง เด็กบอกว่าขับรถจักรยานยนต์กลับจากร้านค้า ระหว่างทางได้ยินเสียงปืนที่กำลังยิงรถทนายจึงทิ้งรถและรีบวิ่งมาที่บ้านตน

ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจากอะไร แต่ที่ผ่านมานายชูวงศ์เป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ มีการต่อสู้เรื่องที่ดินและเรื่องอื่น ๆ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งมีนายทุนเคยได้รับสัมปทานก่อนหมดสัญญา และสปก.ยึดพื้นที่คืน จนชาวบ้านเข้ามาจับจองพื้นที่เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว โดยตนเข้าอยู่ได้ และสามารถเก็บผลปาล์มได้ เพราะยื่นเอกสารเรียกร้องสิทธิ์ที่ดินทำกิน โดยให้รัฐจัดสรรให้

กระทั่ง 1 เดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำป้าย สปก.มาปักไว้ ก็เริ่มมีปัญหา มีการยิงปืนขึ้นฟ้าที่บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้านตน รวม 100 นัด คาดว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน แต่ตนไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี

นายชูวงศ์ มณีกุล ทนายความ ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุหลังตนพูดคุยกับลูกความภายในสวนปาล์ม ได้นั่งรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีแดง ซึ่งเป็นของเพื่อนออกมาจากบ้านลูกความ โดยนั่งข้างคนขับ ส่วนรถกระบะฟอร์ด สีบรอนซ์เงินของตน มีเพื่อนขับตามมา ซึ่งตนไม่กล้านั่งรถของตัวเองเพราะคิดว่ามีคนกำลังปองร้าย

เมื่อออกจากบ้านลูกความได้ประมาณ 50 เมตร เห็นชายถืออาวุธปืนสงครามออกมาจากต้นปาล์ม ก่อนยิงใส่ล้อรถที่ตนนั่ง บริเวณล้อหลังด้านซ้าย กระจกข้างคนนั่ง และแคปหลัง ตนจึงบอกคนขับให้รีบเร่งเครื่องจนสามารถขับหนีออกมาได้ ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมกว่า 20 นัด โดยเป็นการยิงใส่รถฟอร์ดที่ขับตามหลังตน แต่คนขับทิ้งรถและวิ่งหนีจึงรอดมาได้ ซึ่งตนคาดว่าคนร้ายน่าจะมีประมาณ 5-6 คน และเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด

โดยตนเห็นหน้าผู้ก่อเหตุ เป็นคนในพื้นที่ ซึ่งทำงานให้กับกลุ่มนายทุน มั่นใจว่าต้องการฆ่าตน เพราะไม่พอใจที่เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านในการต่อสู้เรื่องที่ดิน สปก. ซึ่งตนโดนข่มขู่เรื่อยมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม หลังตนไปเป็นแกนนำเรียกร้องเรื่องการจัดสรรพื้นที่ทำกินมาจัดสรรให้คนจน

นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่า น่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลุ่มคนร้ายยังได้โยนผลปาล์มใส่ไว้ในรถฟอร์ดของตนที่เพื่อนจอดทิ้งไว้ช่วงเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าตนขโมยผลปาล์ม ทั้งที่ตนไม่ได้ทำ และไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะผลปาล์มเป็นของชาวบ้าน ไม่ใช่ของนายทุน ทั้งที่ตนไม่กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ถวายชีวิตเพื่อต่อสู้เรียกร้องให้กับชาวบ้านแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้นายสุนทร ได้เข้ามามอบตัวแล้ว โดยอ้างว่า ยิงป้องกันทรัพย์สิน เนื่องจากตัวเองทำงานให้บริษัท แต่กลุ่มผู้เสียหายเข้ามาขโมยผลปาล์ม จึงต้องยิงรถไม่ให้ขนหนี ทั้งยังอ้างว่าคู่กรณีมีปืนยิงต่อสู้ ซึ่งจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 6-7 นัด และกระสุนปืนขนาด .38 อีก 2 นัด ไม่มีกระสุนจากอาวุธปืนสงคราม เบื้องต้นแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น

นางชะอ้อน อายุ 46 ปี ภรรยาของผู้ต้องหา กล่าวว่า สามีทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นเจ้าของผลผลิตผลปาล์มในพื้นที่ได้ประมาณ 3 เดือน เนื่องจากที่ผ่านมามีการต่อสู้กันระหว่างบริษัทกับชาวบ้าน ซึ่งผลออกมาว่า ผลผลิตเป็นของบริษัท วันเกิดเหตุช่วงค่ำสามีออกไปทำงานตามปกติ และไม่ได้กลับมาบ้าน จนช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามหาตัวสามี โดยระบุว่ามีการแจ้งจับข้อหาพยายามฆ่า จนวันนี้สามีกลับมาบ้านและเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามเก็บผลปาล์มทำให้มีปากเสียงกับสามี ยืนยันว่าสามีไม่ได้จงใจจะฆ่า เพราะไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวกัน

นอกจากนี้ นางอุษา อายุ 61 ปี ย่าของเด็กผู้บาดเจ็บ อายุ 13 ปี กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนนั่งรอหลานชายอยู่ที่บ้านนางดวงเดือน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่หลานจะวิ่งมาหาตน พร้อมบอกว่าถูกยิง ซึ่งตนตกใจมาก ได้แต่ตะโกนขอให้คนช่วยเรียกรถพยาบาล แต่ขณะนั้นคนร้ายยังกราดยิงเข้ามา ตนต้องหลบบริเวณต้นปาล์ม กระทั่งสามารถติดต่อรถพยาบาลเข้ามารับหลานตนในพื้นที่ได้ อาการของหลานชายในขณะนี้ มีกระสุนฝังอยู่ที่ต้นขาขวา แพทย์ไม่สามารถผ่าออกได้ เพราะเป็นจุดที่ใกล้เส้นประสาท จึงต้องรอดูอาการก่อน

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุเวลา 18.00 น. ตนเห็นรถกระบะสีขาวขับไปจอดที่บริเวณด้านหลังบ้านนางดวงเดือน คาดว่าน่าจะเป็นรถของคนร้ายที่ไปดักซุ่มรอ ช่วงก่อเหตุหลานชายเล่าว่าคนร้ายกราดยิง ก่อนพูดว่า "จะฆ่าให้หมด" ตนคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่อยู่กับนายทุน ไม่พอใจเรื่องการจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้าน