กรณีลูกชายอายุ 17 ปี ใช้มีดกระหน่ำแทงแม่แท้ ๆ ของตัวเอง จำนวน 12 แผลบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากที่แม่เพิ่งกลับจากต่างประเทศมาพักอยู่ที่บ้านได้เพียง 10 วัน โดยเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุหรือแรงจูงใจในการก่อเหตุ เพราะทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน แต่ยายอายุ 70 ปี คาดว่าน่าจะมาจากการติดเกมรุนแรง
ล่าสุดวันที่ 14 มิ.ย.63 ญาติได้พาเด็กวัย 17 ปี ผู้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ แล้ว หลังจากที่ศาลจังหวัดสงขลาได้ออกหมายจับไปแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.63 ในข้อหาพยายามฆ่าบุพการี โดยขณะเข้ามอบตัวเด็กรายนี้เริ่มกลับมามีสติดีแล้ว และรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกระทำลงไป
จากการสอบถามถึงแรงจูงใจที่ทำร้ายแม่ เด็กอ้างว่า อยากมีชีวิตที่อิสระของตัวเอง ไม่ต้องการให้มีใครมาบังคับ และอยู่ในกรอบ หรือทำในสิ่งที่แม่ต้องการอยากให้เป็น และคิดว่าหากฆ่าแม่แล้วก็จะทำอะไรก็ได้ ที่ผ่านมาแม้ว่าแม่จะไม่ได้บังคับ แต่ก็รู้สึกอัดอัด และไม่เคยปฏิเสธแม่ในสิ่งที่แม่อยากให้ทำ ยอมรับทุกอย่าง จึงรู้สึกอัดอัดและไม่คิดว่าจะคุยกับแม่ได้ สิ่งที่ทำไปเป็นความคิดส่วนตัวที่บางครั้งเป็นปมมาจากวัยเด็กที่ถูกเพื่อนแกล้ง แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สาเหตุมาจากต้องการความเป็นอิสระ ไม่ต้องมีใครมาบังคับ
"ตอนทำคิดว่าแม่ไม่จะสู้ แต่แม่กลับไม่สู้ จึงเริ่มตั้งสติได้และวิ่งหนีออกจากบ้าน เพราะไม่กล้าสู้หน้าใคร และเมื่อตั้งสติได้ผมรู้สึกผิดมาก อยากขอโทษแม่ และยอมรับผิด หลังจากนี้จะทำทุกอย่างให้แม่สบายใจ และยอมรับว่าอยู่ในสังคมไม่ได้ ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องมากกว่า ชอบเขียนเพลง เล่นโซเชียลฯ แต่ผมไม่ได้ติดเกม และเรียนแค่ชั้น ม.2 ก็หยุดเรียน ที่ผ่านมาอยู่กับยายเพียง 2 คนที่บ้านแต่แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย โดยแม่จะคอยส่งเงินมาให้ใช้" เด็กรายนี้ กล่าว
นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุ ยังได้เขียนบันทึกขึ้นมาฉบับหนึ่งด้วยลายมือ เพื่อเล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุให้ฟังว่า “เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2563 เวลาประมาณ 5 ทุ่มแม่เข้านอน จากนั้นผมก็ใช้ผ้าพยายามปิดตาปิดปากแม่ และใช้มีดแทงท้องแม่ไม่ยั้งมืออย่างขาดสติ และจะเอาชีวิตแม่ให้ได้ แม่พยายามดิ้นหันหลังให้ และผมก็แทงซ้ำที่หลังแบบไม่ยั้งมือ ผมพยายามถีบแม่ ในขณะที่แม่พยายามยืนทำให้ผมลื่นเลือดแม่ จากนั้นแม่ก็พูดกับผมว่าจะฆ่าแม่จริงหรือ ผมก็ไม่ฟังและคิดว่าภาระของตัวเองสำคัญกว่า และแม่ก็พูดกล่อมจนผมได้สติ และยังบอกรักผมในขณะที่เลือดอาบ ผมก็หยุดและถือมีดไว้ เพราะกลัวแม่จะทำร้าย จึงไปวางมีด ผมตัดสินใจออกจากบ้านไม่ใช่เพราะกลัวความผิด แต่ผมไม่มีหน้าจะอยู่บ้านอีกแล้ว ผมบอกกับแม่ว่าผมอยู่ต่อไปไม่ได้ แม่ก็ช่วยผมหนีและให้ผมรีบ ๆ ไป ทำให้ผมคิดได้ว่าแม่รักผมขนาดไหน ผมรีบวิ่งออกจากบ้านด้วยความลุกลี้ลุกลน และความคิดผมก็เปลี่ยนจากเกลียดเป็นสึกนึกผิด คิดจะกลับมารับความผิดที่ตัวเองทำ”
ในส่วนของอาการของ น.ส.เขมิสรา (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว สำหรับคดีนี้มีสาเหตุมาจากลูกชายต้องการที่จะกำจัดแม่ออกไปจากชีวิตตัวเอง เพื่อไม่ต้องการฟังคำสั่งจากแม่ เพราะคิดว่าถ้าไม่มีแม่แล้วชีวิตตัวเองจะมีอิสระทำอะไรก็ได้ ซึ่งมูลเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการดูเกมออนไลน์ โมโหแม่ที่เข้าไปเตือนให้หยุดเล่น และการชักชวนของเพื่อน พบว่ามักจะมีพฤติกรรมงมงายทับถมเลียนแบบเกมซ้ำ ๆ
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีฐานพยายามฆ่าบุพการี และจะประสานเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพมาร่วมสอบสวน เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นเยาวชน และต้องดูแลในเรื่องของสภาพจิตใจด้วย ก่อนที่จะนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลาต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่าประตูรั้วเหล็กด้านในเปิดอยู่ แต่ประตูเหล็กด้านนอกล็อก ผู้สื่อข่าวพยายามร้องเรียก แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู
จากการสอบถามนางกานสินี (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เล่าให้ฟังเพียงสั้น ๆ ว่า ปกติเด็กคนนี้จะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว ไม่ค่อยสุงสิง พูดคุยหรือเล่นกับใคร เวลาหิวก็จะออกไปซื้อขนมกิน และกลับมาบ้านหลังจากนั้นก็จะหายเงียบเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จากการที่ได้ไปคุยกับยายของเด็กทราบว่า น้องติดเกมมาได้สักพักแล้ว เวลาเล่นเกมก็จะเสียงดัง หลังแม่ของเด็กกลับมาจากต่างประเทศ ก็มาทำน้ำพริกขายเพื่อหารายได้ แต่ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน เพราะไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะ จึงไม่มีใครเอะใจว่าจะเกิดเหตุร้าย
