พยานยันลุงชมพู่ไม่ได้ฆ่า เปิดไทม์ไลน์อยู่คนละที่ แต่หวิดซวยมีหมวกตรงคำทำนาย (คลิป)

5 มิ.ย. 63

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง ด้านทีมข่าวไปพบเสื้อลายพรางถูกเผา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพบรถแบกโฮของเล่น ประมาณ 200 เมตร

975316

นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมออกมาทำนายจุดซ่อนหลักฐานมากมาย แต่ก็ยังหาไม่พบ ต่อมาทีมข่าวไปพบกุญแจรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ รุ่น 125 เอ็กซ์ ผลิตปี พ.ศ.2550 ส่วนหลักฐานใหม่ล่าสุดที่พบในป่า ได้แก่ ปลอกมีดสีฟ้า, ถุงเท้า 1 ข้าง และขวดขนมในป่ามันสำปะหลัง

อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- เจอหลักฐานใหม่! กุญแจรถ เหรียญรูเผาไฟ ใกล้ศพชมพู่ ตำรวจไล่เช็กมอ'ไซค์คนร้าย 
- สุดแปลก! พระป่าทำพิธีเปิดเขาจู่ ๆ ลิ้นจุกปาก ร้องถูกบีบคอ ชี้คนฆ่าชมพู่เอาเสื้อไปแล้ว 
- พบหลักฐานใหม่! “ปลอกมีดไหม้ไฟ-ถุงเท้าเด็ก” ตำรวจคาดโยงมือฆ่าน้องชมพู่ 
- ลุงชมพู่หลั่งน้ำตา เครียดถูกสงสัยเป็นคนฆ่า แจงบังเอิญเจอศพรักหลานเหมือนลูก 
- ขวดขนมในไร่ ส่อเป็นของชมพู่จริง เพื่อนซี้ลุยดู อึ้ง 3 ขวบเดินมาเองได้ 
- ฤๅษีโผล่ทำนายไม่เกิน 7 วันจับฆาตกรฆ่าชมพู่ คำรามลั่นบ้าน "มึงหนีไม่พ้น" 

132528

ล่าสุดวันที่ 4 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบ นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ เปิดเผยถึงช่วงเวลาในวันที่น้องชมพู่หายตัวไปว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ตั้งแต่เช้า จากนั้นตนให้นางสมพร ภรรยา โทรศัพท์หานางสาวิตรี แม่น้องชมพู่ เพื่อจะให้ออกไปเจอกันที่ไร่มันสำปะหลัง ซึ่งห่างจากบ้านไปราว 2 กม. เพื่อไปวัดจีพีเอส นำข้อมูลส่งรับเงินเยียวยา

870409

ส่วนตัวจำได้ว่าช่วงเวลา 08.20 น. ตนออกจากบ้านไปที่สวน พร้อมกับภรรยา ซึ่งตอนนั้นแม่น้องชมพู่ เดินทางไปรอที่สวนก่อนแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ตนต้องนัดกับแม่น้องชมพู่ไปวัดจีพีเอสที่ดินด้วยกัน เนื่องจากเขตแดนที่ดินของตนกับแม่น้องชมพู่อยู่ติดกัน จะได้ไม่เกิดการทับซ้อนของที่ดินเวลาส่งข้อมูลรัฐ

โดยเมื่อตนเดินทางไปถึงที่ดิน พบกับแม่น้องชมพู่นั่งรออยู่ที่ที่ดินอยู่เพียงลำพัง ตนและภรรยาไปกัน 2 คน โดยขั้นตอนการวัดที่ดินน่าจะไม่เกินช่วงเวลา 09.00 น.

545323

จากนั้นก็มีชาวบ้านชื่อ “แม่ถอน” กับสามี เดินทางผ่านที่ดินตน และแวะคุยกับตน ตนเลยชักชวนให้ไปส่งพระที่ อ.หนองสูง ด้วยกัน ซึ่งแม่ถอนก็รับปากจะไปด้วย ตอนนั้นก็มีการติดต่อกันเรื่องวัดจีพีเอสที่ดินของแม่ถอนบ้าง และนัดกันหลังจากที่กลับมาจากส่งพระ ค่อยมาวัดที่ดินแม่ถอน

955939

หลังจากนั้นแม่ถอน ก็มาช่วยหยอดน้ำกรดสวนยาง ซึ่งตนหยอดน้ำกรดเสร็จก่อน แต่แม่ถอนได้ช่วยที่ดินของนางสาวิตรีก่อน ตนจึงกลับออกมาบ้านพร้อมกับภรรยาก่อน โดยตอนนั้นภรรยาดูเวลา ประมาณ 09.22 น. ตนก็กลับมาที่บ้านเพื่อจะมาเตรียมตัวไปรับพระ

306827439878

เมื่อมาถึงบ้านก็ไปอาบน้ำ น่าจะไม่เกิน 15 นาที ตนคิดว่าตอนนั้นน่าจะประมาณ 09.45 น. และออกจากบ้านขับรถกระบะไปรับพระที่วัดป่าภูผาแอก ระหว่างทางก็ไม่ได้แวะที่ไหน ตนก็แค่จอดทักชาวบ้านที่หน้าประตูซุ้มวัดเท่านั้น ทำนองว่าชักชวนให้ไปส่งพระด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ปฏิเสธ ตนก็ขับรถต่อขึ้นไปที่วัด

931573

พระอธิการบุญมา เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 นายไชย์พล เข้ามาที่วัดเพื่อรับพระรูปหนึ่งที่วัดจริง โดยมีการนัดหมายกันก่อน 1 วันว่าจะให้ไปส่งครูบารัตน์ ซึ่งเป็นพระที่วัด แต่มีโยมนิมนต์ให้ไปอยู่ที่วัดในพื้นที่ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

พระอธิการบุญมา ระบุว่า นายไชย์พล มาที่วัดจริง โดยนัดหมายจะเดินทางมาช่วงหลัง 09.00 น. แต่ไม่เกิน 12.00 น. โดยอาตมาจำไม่ได้แน่ชัดว่าเข้ามากี่โมง เมื่อมาถึงก็เข้าใสด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้มีเหงื่อ หรือดูเหนื่อยอะไร ซึ่งก่อนจะถึงเวลานัดหมาย ช่วงเวลา 06.00 น. ตนก็ยังเจอนายไชย์พล และนางสมพร ป้าของชมพู่อยู่

หลวงพ่อ ยังบอกต่อว่า จริงแล้วอาตมาติดต่อกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้ไปส่งพระก่อน แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ว่าง จึงไปติดต่อนายไชย์พล หลังจากนายไชย์พล มาที่วัด ขับรถกระบะมาคนเดียว ก็ขนของช่วงพระขึ้นรถออกเดินทางไป จากนั้นก็ไม่เห็นกลับมาอีก ทั้งนี้อาตมาค่อนข้างมั่นใจว่านายไชย์พล ไม่ใช่คนร้าย เพราะมาช่วยงานวัดอยู่ประจำ รู้จักนิสัยใจคอกันอยู่ ส่วนวัดที่ อ.หนองสูง ที่ไปส่งครูบารัตน์ ต้องใช้เวลาไปกลับอย่างน้อยกว่า 2-3 ชม. 

335618215684

อย่างไรก็ดี นายไชย์พล บอกว่า ตอนไปถึงวัดน่าจะช่วง 10.00 น. ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าน้องชมพู่หายไป โดยตนมาทราบหลังจากรับพระเสร็จ และขับรถกลับลงมาที่บ้านแม่ถอน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับปากซอยบ้านน้องชมพู่ เมื่อมาถึงก็สอบถามหาภรรยาของตนเองว่าไปไหน แม่ถอนก็บอกว่าเห็นขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในบ้านน้องชมพู่

เมื่อภรรยาขับรถมาที่บ้านแม่ถอน ก็บอกว่าชมพู่หายไป หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปไหน ซึ่งตอนนั้นตนก็คิดว่าน้องคงไม่ได้หายไปไหนไกล ประกอบกับต้องไปส่งพระตามนัด จึงให้ภรรยาขึ้นรถ และเดินทางไปส่ง ซึ่งมีคนเดินทางไป 5 คน ส่วนตัวตอนนั้นหากไม่ได้ไปรับพระ ตนคงออกไปตามหาช่วย แต่ขณะนั้นรับพระมาแล้ว พระก็นั่งในรถแล้ว

จากนั้นพวกตนก็ขับรถมุ่งหน้าไปส่งพระ ก่อนจะให้ภรรยาโทรศัพท์หาแม่น้องชมพู่ โดยใช้โทรศัพท์แม่ถอน ซึ่งแม่น้องชมพู่ก็บอกว่ากำลังกลับบ้าน

439693

หลังจากส่งพระเสร็จ ตนก็กลับมาที่หมู่บ้าน ประมาณ 14.00 น. เมื่อมาถึงหมู่บ้านตอนนั้นเริ่มเห็นชาวบ้านเดินตามถนน มีรถจอดหน้าบ้านแม่ถอนพอสมควร ส่วนตัวใจคอไม่ค่อยดี ซึ่งระหว่างทางกลับบ้านตนได้โทรศัพท์สอบถามแม่น้องชมพู่ เพื่อสอบถามว่าเจอน้องหรือยัง จากนั้นระหว่างทางมีฟ้าร้อง ฝนจะตก ทำให้ปิดโทรศัพท์กันหมด

จากนั้นเมื่อถึงบ้านแม่ถอน ภรรยาตนก็เดินไปที่บ้านน้องชมพู่ ตนล็อกรถเสร็จก็ตามไปด้วย จากนั้นก็ออกตามหาหลานทันที โดยมุ่งหน้าไปทางฝั่งขวามือ เดินเลาะตามชายป่า สวนของชาวบ้าน วันนั้นยังไม่ได้ขึ้นเขา วันนั้นค้นหาราว 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เดินวนจนกลับมาที่บ้านตน ก่อนจะมาเจอพระรูปหนึ่ง ซึ่งทักว่าให้ตนไปดูที่บ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านกกตูมที่บ้านอยู่ข้างห้วย ซึ่งตนก็เลยไปดู โดยบ้านหลังดังกล่าวก็คือบ้านของคนชื่อ นิ่ม ตนออกไปพร้อมกับแม่ถอน กับภรรยา จากนั้นก็ไปบ้านกกตูม แต่ไปถึงก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้านนิ่ม และไม่พบน้องชมพู่

ทั้งนี้ตนยืนยันในความบริสุทธิ์ ตนรักน้องเหมือนลูก ตนไม่มีทางที่จะไปทำร้ายได้แน่นอน ส่วนเรื่องคนร้าย ตนนึกไม่ออก หากมองเป็นญาติพี่น้องยิ่งนึกไม่ออก เพราะไม่เคยมีเรื่องหมางใจกันขนาดที่จะทำร้ายกัน

329341

นายไชย์พล ยังระบุว่า เรื่องการตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากคำทำนายเกี่ยวกับ หมวกคาวบอย ตนได้มาจากการไปทัศนศึกษาที่ จ.ร้อยเอ็ด ตอนนั้นตนเรียน กศน.อยู่ จำช่วงปีไม่ได้ น่าจะช่วงปี 57-59 ซึ่งมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันทำหล่นไว้ ตนประกาศหาแล้ว แต่หาเจ้าของไม่เจอจึงเก็บกลับมา ส่วนหมวกคาวบอยที่บ้านเคยมี 2 ใบ ใบหนึ่งขาดไปแล้ว เป็นของชาวบ้าน อีกใบหนึ่งคือใบที่สวมใส่อยู่ประจำ ส่วนหมวกแบบนี้ไม่ได้มีแค่บ้านตน แต่ให้ระบุว่าใครก็ตอบไม่ได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส