จากกรณีสมชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “สายลม ที่ มอง ไมเห็น” โพสภาพและคลิกวิดีโอขู่จะฆ่าลูกตัวเอง เพราะทะเลาะกับแม่ของเด็ก ซึ่งเป็นคลิปและภาพนิ่งที่ลูกกินนมแล้วร้องไห้ พร้อมระบุข้อความในคลิปว่า “ยังเงียบก็ได้รับศพ” นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้ชายรายนี้ปล่อยให้ลูกอดข้าว อดนม จนกว่าภรรยาจะกลับมา ทั้งยังนำเด็กไปทิ้งกลางถนน ฝนตก อากาศหนาว หรือมักจะปลุกลูกตื่นขึ้นมาตีอย่างรุนแรง และขู่จะผูกคอลูกอีกด้วย จนทำให้เด็กหวาดกลัว
ล่าสุดวันที่ 3 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี โทรศัพท์ติดต่อไปยังครอบครัว ญาติและน้าของเด็ก แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ และได้รับรายงานมาว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ซอยคลองห้วย ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
จากนั้นทีมข่าวอมรินทร์โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.มนเทียร เบ้าทอง ผู้กำกับ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดมกำลังกว่า 10 นาย ตลอดจนสายตรวจ ลงพื้นที่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อหาตัวชายคนที่ขู่ฆ่าลูกและหาตัวเด็กคนที่ตกเป็นผู้เสียหาย ว่าอยู่ในความปลอดภัยแล้วหรือยัง เนื่องจากคลิปที่มีการเผยแพร่ออกมานั้น เป็นภาพวิดีโอกลางคืนและไม่ได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจน ส่วนในซอยคลองห้วย ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบตัวพ่อลูกในคลิป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากไปยังแม่เด็ก ให้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อร้องทุกข์และเร่งติดตามตัวพ่อและเด็กต่อไป โดย พ.ต.อ.มนเทียร ระบุว่า คนก่อเหตุข่มขู่ให้ผู้อื่นหวาดกลัว ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังตามตัวได้จะต้องสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ ต.โพธิ์เสด็จ เมืองนครราชสีมา เมื่อไปถึงไม่พบตัวนายเจและลูกชาย เนื่องจากภายหลังจากมีกระแสข่าวคลิปที่นายเจขู่ฆ่าลูกออกมานั้น นายเจก็อุ้มตัวลูกชายหลบหนีไป ก่อนเจ้าหน้าที่พบตัว และจะขออนุมัติศาลออกหมายจับในวันที่ 4 มิ.ย.63
ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง น.ส.เปรมสุดา ขุนภักดี หรือกุ๊ก อายุ 29 ปี แม่ของเด็กที่ถูกขู่ฆ่า เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนมาทำงานที่ประเทศเมียนมาร์ โดยมีลูกกับชายคนก่อเหตุทั้งหมด 2 คน คือ ด.ช.ก๋วยเจ๋ง อายุ 3 ขวบ และลูกชายอีกคน อายุ 1 ขวบ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนและนายนพสิทธิ์ สนู หรือ เจ อายุ 28 ปี มาทำงานด้วยกันที่ประเทศเมียนมาร์ กระทั่งนายเจนอกใจตนไปมีหญิงอื่น และขอให้อยู่ร่วมกัน 3 คน แต่ตนไม่ยอม สุดท้ายจึงเลิกลากันไป จากนั้นนายเจ ย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยกับภรรยาคนใหม่ โดยนำ ด.ช.ก๋วยเจ๋ง กลับไปเลี้ยงดูด้วย
กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายเจ เลิกกับภรรยาใหม่ จึงกลับมาขอคืนดีตน แต่ตนไม่ยอม ทำให้นายเจไม่พอใจ และขู่ฆ่าลูก ทำร้ายร่างกายลูก ให้ลูกดูดขวดนมเปล่า อดข้าว อดน้ำ ไม่ให้กินนม จนกระทั่งลูกซูบผอมโทรม อีกทั้งเคยปล่อยไปนั่งตากฝนกลางแจ้ง กระชากคอเสื้อยกตัวลูกขึ้นที่สูงอย่างแรง และสภาพจิตใจย่ำแย่ มีอาการขวัญผวา ตื่นตระหนกและสุขภาพจิตย่ำแย่
น.ส.เปรมสุดา เผยต่ออีกว่า นายเจ ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ทำร้ายร่างกายลูกมาตลอด 5 เดือน ซึ่งพฤติกรรมนายเจมักจะขู่ฆ่าลูก เพื่อต้องการเงินจากตน ต้องการให้ตนกลับไปคบหา ทรมานลูกทุกครั้ง โดยไม่มีคนเข้าไปช่วยเหลือ เพราะไม่มีใครทราบที่อยู่ปัจจุบันของนายเจ นอกจากนี้ตนยอมรับว่าไม่เคยเล่าเรื่องดังกล่าวที่ลูกชายถูกนายเจทำร้ายให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนหรือครอบครัวที่อยู่ประเทศไทย เพราะตนถูกข่มขู่จากนายเจ และกลัวว่าหากบอกใคร นายเจจะทำร้ายลูกมากกว่าเดิม
ที่ผ่านมาครอบครัวของตน เคยพยายามติดต่อและขอนำตัว ด.ช.ก๋วยเจ๋ง กลับมาเลี้ยงดูแลเองที่ไทย แต่นายเจไม่ยินยอมและไม่ให้ใครเอาตัวเด็กมา ตนจึงรู้สึกสงสารลูกมาก เพราะล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรมของลูกชายว่าเป็นตายร้ายดีและอยู่กินอย่างไร อีกทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ตนยอมรับว่ารู้สึกสงสารลูกมากที่ลูกต้องถูกขู่ฆ่า และขู่ทำร้ายร่างกาย ทรมานจิตใจอย่างมาก ตนวอนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย เร่งช่วยเหลือลูกชาย ตลอดจนวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวนายเจและลูกชายของตนให้เร็วที่สุด ส่วนการเดินทางกลับมาไทยนั้น อยู่ระหว่างการปรึกษากับทางครอบครัว
