กว่า 3 เดือนเต็มแล้วที่เหล่าผู้ประกอบการหลายรายต้องเบรคธุรกิจเอาไว้เพราะพิษโควิด-19 ระบาดหนักจนหาทางออกไม่เจอ อย่างค่ายมวย “น้องตุ้ม มวยไทยยิม” ของนักมวยสาวสวยที่เคยถูกนำเรื่องราวชีวิตไปทำเป็นภาพยนตร์มาแล้ว “น้องตุ้ม-ปริญญา เจริญผล” เจ้าตัวยอมรับว่าเปิดค่ายมวยมา 5 ปี วิกฤติครั้งนี้ทำเจ็บตัวสุด ถึงขั้นตั้งใจจะยกค่ายมวยไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเพราะสู้ค่าใช้จ่ายในกรุงเทพไม่ไหว พร้อมเผยแพลนอนาคตกับแฟนหนุ่มรุ่นน้องที่ตั้งใจจะไปอยู่กัน 2 ในท่ามกลางสวนเกษตร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“น้องตุ้ม” ทนพิษโควิด-19 ไม่ไหว แพลนย้ายค่ายมวยไป ตจว. เผย พร้อมแต่งแฟนหนุ่มเพื่อสานฝัน
ทีมข่าวของเราก็เดินทางไปยังค่ายมวยของน้องตุ้ม ต้องบอกว่าสภาพปัจจุบันเงียบเหงามาก เจ้าตัวบอกว่าหลังขาดรายได้ไปรวมกว่า 3 เดือนก็ยังมองไม่เห็นทางออกเลยว่าจะกลับมาเปิดค่ายมวยอีกเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ตนยังต้องมีรายจ่ายในส่วนของค่าเช่าที่ ค่าน้ำ-ค่าไฟ อยู่เดือนละ 20,000 กว่าบาท นี่ยังไม่รวมค่าอาหารการกินที่ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงินเก็บที่ยังพอมีอยู่ทั้งนั้น แม้แต่พริกเม็ดเดียวยังต้องซื้อ ยอมรับว่าพยายามมองบวกไว้ว่ายังมีคนอื่นที่ลำบากกว่าเรา แม้จะกักตัวก็ไม่ได้ผอมโซ กลับกันน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป แต่ด้วยความเบื่อที่ไม่มีอะไรทำ เจ้าตัวจึงควงแฟนหนุ่มกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อลดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ต้องเอาพนักงานทุกคนออก เธอมองว่าทุกอย่างมันควรเบรกไปก่อน รอให้มียารักษาโรคที่ใช้ได้จริงแล้วค่อยกลับมาน่าจะดีกว่า มิหนำซ้ำก็มีข่าวว่าผู้ประกอบการจะต้องจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นอีก แน่นอนว่าหลังโควิด-19 ทุเลาลงค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะเป็นภาระที่หนักมากสำหรับตัวเธอเอง
คุณตุ้มยังเปิดใจกับทีมข่าวอีกว่าแม้จะมีนโยบายให้สามารถเปิดค่ายมวยได้ในเร็วๆนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป เพราะเชื่ออย่างไรก็ตามลูกค้าก็ยังคงมีความระแวงอยู่ ตนเองก็ยังต้องระวังผู้ที่จะเดินเข้ามาในค่าย เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าธุรกิจนี้จะไปต่อไม่ได้ เพียงแค่ไม่อยากดำน้ำโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น บอกว่าไม่เสี่ยงจะเจ็บตัวดีกว่า โดยตั้งเป้าในระยะไกลว่าอาจจะเป็นปีหน้าซึ่งนี่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้น
ดูผ่านๆอาจจะมองว่าคุณตุ้มเป็นนักมวยแล้วสุขภาพร่างกายจะแข็งแรง แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจนจะเหยียบเลขสี่ (9 มิถุนายน อายุ 39 ปี) ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนไปตามวันเวลา บวกกับทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บก็น่ากลัวขึ้นทุกวัน บางครั้งลุกขึ้นเร็วๆก็มีหน้ามืดบ้าง การไม่ประมาทเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด เมื่อพูดถึงผลกระทบวงกว้างต่อวงการมวยไทย คุณตุ้มถึงกับบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่โดนหนักสุด ขนาดที่คนทั่วไปเจอนักมวยแล้ววิ่งหนี ปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านค้า/ร้านอาหาร ดังนั้นนักมวยหลายคนต้องปรับเปลี่ยนอาชีพ ทั้งหันไปขับรถส่งอาหาร ส่งของ แต่ด้วยเลือดนักสู้ทุกคนก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดและอยากฝากบอกทุกคนว่านักมวยทุกคนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ไม่ต้องขยะแขยงขนาดนั้นเพราะทุกคนก็ป้องกันไม่แพ้กัน
ด้านธุรกิจอาจจะได้รับผลกระทบแต่กลับเป็นเรื่องดีของชีวิตคู่ คุณตุ้มบอกว่าทำให้มีโมเมนต์น่ารักๆด้วยกันมากขึ้น มีเวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุดในรอบ 8 ปีที่คบกัน จากเดิมที่ต้องแยกกันทำงานตลอด ช่วงนี้จึงควงกันไปเข้าวัด ทำบุญตามมูลนิธิต่างๆ พักผ่อนได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังแอบเล็งวางแผนอนาคตชีวิตคู่ไว้ว่าอาจจะยก “น้องตุ้ม มวยไทยยิม” ไปไว้ที่ต่างจังหวัดเพราะสู้วิกฤติเศรษฐกิจในกรุงเทพไม่ไหวจริงๆ อย่างที่บอกไปว่าเจ้าตัวเตรียมปลูกเรือนหอพร้อมสวนเกษตรและรีสอร์ตเล็กๆไว้ต้อนรับลูกค้าที่จะซ้อมมวยแล้วต้องการพักผ่อนด้วย รอแค่ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็อาจจะย้ายไปที่นั้นในเร็ววัน เพราะจากที่ได้สัมผัสก็รู้เลยว่าพื้นที่ทุกอย่างถูกใจสุดๆ พร้อมกันนี้ก็มีคุยเรื่องงานแต่งของทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความใฝ่ฝันของเธอและแฟนหนุ่มตั้งแต่แรก เผยว่าฝ่ายชายเฝ้าถามตลอดว่าค่าสินสอดเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากวันนี้ตนเองก็พร้อมแต่ง แต่ด้วยสถานการณ์ก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ อยากรอให้ทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้และอีกเรื่องที่เจ้าตัวแอบดีใจคือ ลูกบุญธรรมที่เธอและแฟนหนุ่มช่วยกันเลี้ยงจนโต ตอนนี้ก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณตุ้มมองว่าเหตุผลนี้แหละถึงเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตเพราะเขาสามารถเป็นตัวตายตัวแทนให้เธอได้
