รวบคาวัด มือฆ่าสาวม่ายตายพร้อมกิ๊กที่เป็นลุง พบจดหมายระบายแค้น ขอบวชก่อนลาโลก (คลิป)

26 พ.ค. 63

ความคืบหน้ากรณีช่วงค่ำวานนี้ ( 25 พ.ค.) พบศพน.ส.กมลทิพย์ สบกระสิบ อายุ 40 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่บริเวณกกหูซ้าย ลำตัวมีบาดแผลถูกทำร้ายร่างกายรวมถึงใบหน้า ร่างถูกห่อด้วยถุงพลาสติก  

617956

และนายเจริญ มณี อายุ 50 ปี ถูกยิงด้วยปืนเข้าที่หน้าผากยัดในถุงดำ โดยทั้งสองศพถูกนำมาโยนทิ้งรวมกับกองขยะที่บริเวณหลังบ้าน หมู่ 6 ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 

756142

หลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ มีรอบกระสุนบนผนัง ปลอกกระสุนจำนวน 3 นัด และรอยเลือดบริเวณบันไดหน้าบ้าน และยังพบรอยเลือดที่ท้ายรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ของน.ส.กมลทิพย์

737828

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจจะมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากนส.กมลทิพย์ เป็นม่ายหน้าตาดีมีผู้ชายมาติดพันหลายราย รวมทั้งนายเจริญ ที่เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น และระยะหลังพบว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน และเข้าออกบ้านน.ส.กมลทิพย์บ่อยครั้ง

670922

ล่าสุด วันที่ 26 พ.ค.63 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และพ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยนางปราณี สุขศิษย์ อายุ 60 ปี แม่ของน.ส.กมลทิพย์ นำชี้จุดต่าง ซึ่งเบื้องต้นบริเวณระเบียงบ้านพบรอยเลือดลากไปตามพื้นจากบริเวณตัวบ้านไปยังสวนหลังบ้านที่พบศพ

634758

พ.ต.อ.สุคนธ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบร่อยรอยในจุดเกิดเหตุโดยเฉพาะปลอกกระสุนและรอยกระสุนบริเวณ ระเบียงบ้านจำนวน 3 นัดส่วนในบ้านกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งจากคำให้การของแม่น.ส.กมลทิพย์ ระบุว่า ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. อยู่กับลูกสาวและเพื่อนชายของลูกสาวที่บ้านเกิดเหตุ โดยทั้งคู่มีปากเสียงกันแม่จึงขอตัวกลับบ้าน และหลังจากนั้นไม่ได้พบกับลูกสาวอีก จนกระทั่งวานนี้พบกลายเป็นศพ

จากคำบอกเล่าของพยาน และหลักฐานเบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะก่อเหตุฆ่าน.ส.กมลทิพย์ก่อนในบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงคืนวันที่ 23 พ.ค.และหลังจากนั้นได้ใช้โทรศัพท์มือถือของน.ส.กมลทิพย์ ลวงชวนนายเจริญ มาที่บ้านและลงมือที่บริเวณระเบียงบ้านโดยนายเจริญ ได้เดินทางจากบ้านที่ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง มาถึงบ้านเกิดเหตุในช่วงเช้ามืดวันที่ 24 พ.ค. และมีพยานได้ยินเสียงปืนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คาดว่าหลังก่อเหตุแล้วคนร้านได้นำศพไปทิ้งอำพรางที่สวนหลังบ้าน

ส่วนนายเจริญ คนตายอีกคนทางลูกชายและหลานสาวบอกว่า นับถือเป็นลุงเพราะเป็นเพื่อนของสามีเก่าผู้ตาย และมักจะฝากฝังให้ดูแลกัน สำหรับผู้ก่อเหตุนั้นเวลานี้ทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้วชื่อนายวสันต์ หรือไข่ เนื่องจากพบหลักฐานเป็นจดหมายที่บ้านของผู้ต้องสงสัย คล้ายต่อว่าน.ส.กมลทิพย์ ที่มีชายอื่นและสั่งเสียครอบครัว ทั้งนี้ประเด็นการการก่อเหตุนั้นเบื้องต้นมุ่งไป 2 ประเด็นได้แก่ ชู้สาวและการทำธุรกิจผิดกฎหมาย เพราะทางบ้านของน.ส.กมลทิพย์ เคยมีประวัติถูกจับกุมเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องการค้ายาเสพติด

351785

ด้าน นางปราณี สุขศิษย์ อายุ 60 ปี แม่น.ส.กมลทิพย์ เปิดเผยว่า วันเสาร์ที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น. ตนกับลูกสาวยังคุยเล่นกันปกติ แต่ตนรู้สึกหิวข้าวจึงขอตัวกลับบ้านก่อน กระทั่งช่วงวันอาทิตย์ กับวันจันทร์ พยายามโทรศัพท์หาลูกสาว แต่ไม่มีใครรับสาย และพยายามเข้าไปเรียกหาที่หน้าบ้าน แต่ไม่มีใครตอบเป็นเหตุให้ตนเริ่มรู้สึกเอะใจ

โดยในวันจันทร์ตนกับลูกชายของน.ส.กมลทิพย์ ได้เข้าไปตามหาที่บ้านจึงพบว่าถูกยิงเสียชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เพราะลูกของตายไปแล้ว พูดอะไรแทนไม่ได้ อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเลวร้ายเกินคำบรรยาย และหากตามตัวคนร้ายได้อยากให้เข้ามาขอขมาโทษลูกสาวด้วย

277009

ขณะที่ หน่วยรักษาศพโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นายประสิทธิ์ มะณี อายุ 64 ปี น้าชายนายเจริญ มะณี เดินทางมารับศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด 

461075

นายประสิทธิ์ เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องทางครอบครัว โดยเฉพาะแม่ของนายเจริญ ถึงกับร้องไห้ตลอดเวลา เพราะทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกชาย ซึ่งสาเหตุนั้นก็น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว ซึ่งนายเจริญ ได้มีความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต โดยนายเจริญพักอาศัยอยู่กับแม่ซึ่งอยู่ในวัยสูงอายุเพียง 2 คน ส่วนลูกสาวของนายเจริญอยู่ที่ประเทศจีนขณะนี้ทราบข่าวแล้ว 

815480

ขณะที่ นางบัว มะณี 68 ปี แม่ของนายเจริญ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ลูกชายของตนกับน.ส.กมลทิพย์ คบหากันมาประมาณ 3 เดือน และไปมาหาสู่เป็นประจำ กระทั่งวันเสาร์ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอลูกชาย ลูกชายไม่ได้พูดอะไรและทราบเพียงว่าลูกชายไปนอนค้างที่บ้านของน.ส.กมลทิพย์ กระทั่งลูกชายหายตัวไปหลายวัน จากนั้นตนกับแม่ของน.ส.กมลทิพย์ ได้ช่วยกันออกตามหาและพบร่างของทั้งคู่อยู่ที่สวน ก่อนหน้านี้เคยเตือนลูกชายหลายครั้งว่าอย่าไปยุ่งกับฝ่ายหญิงมาก เพราะเจ้าตัวเป็นคนหน้าตาดีมีคนมาติดพันเยอะ แต่ลูกชายกล่าวปฏิเสธตลอดว่าไม่น่าจะมี

802524

นายทองดี เพื่อนบ้านของนายไข่ ผู้ต้องสงสัย เปิดเผยว่า ผู้ตายไม่ได้พักอยู่ที่บ้านหลังนี้นาน ๆ ครั้ง ถึงจะกลับมาที่บ้าน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ตนสังเกตเห็นนั่งดื่มเบียร์ อยู่ภายในบ้าน มีสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริงดี ไม่ได้เล่าปัญหาหรือระบายความเครียดให้ฟังและทักทายกันปกติ กระทั่งเมื่อวานนี้ ช่วงกลางคืนเห็นตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาที่บ้านของนายไข่ก็รู้สึกแปลกใจ จนเมื่อเช้านี้มาทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ยังไม่เชื่อเลยว่านายไข่จะลงมือทำร้ายใครได้เนื่องจากนายไข่ เป็นคนอัธยาศัยดี ร่าเริง ไม่เคยมีปัญหากับใคร และเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่เลิกกันประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ยอมรับว่านายไข่เป็นคนที่ดูดี มีภูมิฐาน อาจจะมีคนมาติดพันเยอะ 

461563

ล่าสุด เวลา 19.30 น. ชุดสืบสวนภาค 5 ชุดสืบสวนสืบจังหวัดเชียงใหม่ และชุดสืบสวนสภ.แม่แตง ได้ทำการจับกุมตัวนายวสันต์ อินทรจักร์ หรือไข่ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าสองศพหมกถุงหลังสวนที่ อ.แม่แตง โดยจับกุมตัวได้ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.เชียงดาว 

881450

ซึ่งเบื้องต้นนายไข่ให้การรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุหวังจะฆ่าตัวตาย และได้เขียนจดหมายลาตายไว้ แต่ก็เปลี่ยนใจและคิดว่าจะไปหาวัดเพื่อบวช และปฏิบัติธรรมชดใช้ความผิดที่ก่อลงไป ขณะนี้อยู่ในระหว่างการนำตัวผู้ต้องหาเดินทางมาจาก อ.เชียงดาว เพื่อมาสอบสวนที่ สภ.แม่แตง

246377

โดยข้อความในจดหมายของนายไข่ หรือ วสันต์ ผู้ต้องสงสัย ระบุข้อความว่า “เจ็บใจมานักละ กับผู้หญิงคนนี้ บอกลูกหลานทั้งหลายจงอย่าล้อเล่นกับความรัก ความรู้สึกของคืนอื่น มันอันตราย" ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อและควบคุมตัวนำไปสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมทั้งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพคาดว่าน่าทำในวันพรุ่งนี้ (27พ.ค.)

cg1

cg2

นอกจากนี้ นายเป็ด เพื่อนบ้านของนายวสันต์ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กัน เปิดเผยว่า พ่อกับแม่ของนายวสันต์ เสียชีวิตนานเกือบ 10 ปี และผู้ตายอยู่ตัวคนเดียวไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ส่วนตัวไม่ทราบว่านายวสันต์ทำงานอะไร และทราบเพียงว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยเปิดร้านค้าที่บ้าน แต่ขายไม่ค่อยดีจึงปิดกิจการลงและย้ายออกไปอยู่ที่อื่น

571505

ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยเชื่อว่า นายไข่จะทำร้ายคนอื่น เพราะนายไข่เป็นคนดีมาก ไม่เคยมีเรื่องกับใคร

 

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส