กรณีหนุ่มใหญ่เผยเรื่องราวหลังถูกสาวหลอกให้รัก ให้หลง ให้โอนเงิน หลังจากรู้จักกันได้ประมาณ 2 เดือน เมื่อฝ่ายหญิงได้เงินไปก็หายออกไปจากชีวิต ติดต่อไม่ได้อีกนั้น
ล่าสุด วันที่ 20 พ.ค. 63 นายบุญพา ทับทิม อายุ 54 ปี ชาวบ้าน ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยพฤติกรรมของหญิงคนสนิทว่า ตนถูกหลอกให้รักผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากพูดคุยกัน ก็ก่อนตัดสินใจคบหากันได้ประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2563
โดยสาวคนดังกล่าวอายุ 34 ปี บ้านอยู่ที่ ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ มีพฤติกรรมทักแชตเฟซบุ๊กมาหา เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 63 ก่อนจะพูดคุยกันจนตนเริ่มรู้สึกดี และหลอกล่อให้ตนหลงสเน่ห์ แต่โชคยังดีที่ตนได้เจอหน้า เจอตัวเป็น ๆ ก่อนแล้ว สาวคนดังกล่าวมาหาตนที่บ้าน ประมาณ 10 ครั้ง ได้จับมือกัน แต่ไม่มีอะไรล่วงเกินกัน
จากนั้น ก็สนิทสนมกันเรื่อยมา และโอนเงินให้ครั้งแรก วันที่ 8 เม.ย. 63 ฝ่ายหญิงอ้างว่าจะนำไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดใช้ 15,000 บาท และอ้างว่าแม่เป็นหนี้นอกระบบ ต้องใช้เงินอีก 20,000 บาท และอ้างต่าง ๆ นานา จนมาขอเงินตนอีก 40,000 บาท ในวันที่ 23 เม.ย. 63 อ้างว่าจะไปซื้อรถไถนา ตอนนั้นตนให้ไป 30,000 บาท ทำให้ตอนนี้เงินในบัญชีเหลืออยู่แค่ 7.43 บาทเท่านั้น เงินจะกินจะใช้แทบไม่เหลือ ไหนจะพิษโควิด-19 และเศรษฐกิจแย่อีก
นายบุญพา เล่าต่อว่า ช่วงนั้นตนเงินหมด ตนก็ต้องนำรถเก่าที่ใช้วิ่งทำงานไปขายต่อให้กับพี่ชายที่รู้จักกัน ในราคา 65,000 บาท แต่ถือเงินสดอยู่ในมือ ตอนนั้นฝ่ายหญิงรู้ ก็มาขออีก ตนก็ใจอ่อนให้ไป
กระทั่ง วันที่ 12 พ.ค. 63 เป็นวันสุดท้ายที่ตนไม่ได้โอน แต่ให้เงินสดไป 15,000 บาท จากนั้นเจ้าตัวก็ทักมาขอเลิก และตนก็จับได้ว่า เขาเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทของตน ตนเลยเลิกและไปลงบันทึกประจำวัน ส่วนเงินที่เขาได้ไป รวมแล้วประมาณ 80,000 บาท และพระเครื่องสมเด็จวัดระฆัง ประเมินมูลค่าไม่ได้อีก 1 องค์ รวมก็กว่าแสนบาทได้
จากนั้นตนจึงตัดสินใจนำเรื่องราวมาแฉพฤติกรรม "โชคดียังได้จับแขนและเจอหน้า แต่ยืนยันว่าไม่เคยมีอะไรล่วงเกินกันมากกว่าจับมือถือแขนเลย" จากนี้ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะตนเชื่อว่ายังมีเหยื่ออีกหลายคน
