จากกรณีเด็กชายวัย 13 ปี ขี่จักรยานไปขอความช่วยเหลือกู้ชีพ อบต.ดงละคร หลังกลับมาจากขายไหลบัว แล้วเห็นแม่อยู่ในสภาพเลือดอาบใบหน้าอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่รู้จะช่วยแม่อย่างไร เพราะเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งสอบถามแม่ทราบว่าพ่อเป็นคนใช้ของแข็งไม่ทราบชนิดตีเข้าที่ศรีษะจนเป็นแผลต้องเย็บไปกว่า 10 เข็ม โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ 1 ตำบลดงละคร อำเภอเมือง จ.นครนายก
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค.63 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ จ.นครนายก ลักษณะเป็นบ้านไม้มุงหลังคาสังกะสี ใต้ถุนโล่ง สูงเหนือพื้นดินเล็กน้อย ภายในบ้านเป็นห้องโล่ง มุมหนึ่งใช้สำหรับห้องนอน อีกมุมหนึ่งใช้เป็นห้องครัวสำหรับทำอาหาร จากการสอบถามทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงแค่น้ำประปาไว้ประทังชีวิต ที่ทาง อบต.ดงละคร มาติดตั้งไว้ให้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางจินตนา แก้วนวม อายุ 50 ปี เล่าให้ฟังว่า นายไพรัช บุญอเนก อายุ 56 ปี สามีของตนเป็นคนทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนางจินตนาก็มีสีหน้าตื่นกลัว เพราะกลัวสามีถูกจับกุม ทั้งนี้บ้านหลังดังกล่าวจะอยู่กันเพียง 3 คน พ่อ แม่ ลูก และมีเพียงนายไพรัช ผู้เป็นสามีคนเดียว ที่ทำงานรับจ้างก่อสร้างเลี้ยงครอบครัว บางวันก็มีงานบางวันก็ไม่มีงาน ก็แล้วแต่ว่าใครจะจ้าง ได้ค่าแรงแค่วันละ 300 บาท หรืออาจจะน้อยกว่า 300 บาท ที่ต้องทำคนเดียวเพราะนางจินตนา เคยลื่นล้มขาหัก จึงไม่สามารถทำอะไรได้
นางจินตนา เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนกับสามีอยู่กินกันมา 14-15 ปี และมีลูกชายวัย 13 ปี 1 คน เพราะตนไม่ได้คุมกำเนิดและตอนนั้นอายุเกือบ 40 ปีแล้ว ไม่คิดว่าจะมีลูกตอนแก่ แต่พอมีลูกก็อยู่ตามมีตามเกิด อาศัยบ้านไม้เก่า ๆ หลังคาบ้าน อบต.ดงละคร ก็มาช่วยทำให้พอให้ได้มีที่พักผ่อน
โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ตนนั่งทำกับข้าวอยู่บนบ้านไว้รอสามีกินด้วยกันในมื้อค่ำ เพราะที่บ้านไม่มีไฟฟ้าจึงต้องรีบทำไว้ตั้งแต่ช่วงบ่าย ขณะที่ตนนั่งทำกับข้าวอยู่นั้น ตนก็ได้ยินเสียงนายไพรัช ขึ้นมาบนบ้าน ซึ่งตนก็ทราบว่าเมาเหล้ามา ตนก็ถามว่า “พี่รัช ไปเมาที่ไหนมา” สามีตอบกลับมาว่า “เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยว” ตนก็ถามต่อว่า “ไปเบิกเงินค่าแรงมา แบ่งกันบ้างสิ” สามีก็ตอบกลับคำเดิมว่า “เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยว”
ทั้งนี้ตนก็นั่งหันหลังทำกับข้าวไปด้วยและคุยไปด้วย ไม่ได้คิดว่าจะถูกทำร้าย ทันใดนั้นสามีก็หยิบของแข็งมาฟาดที่ศรีษะตน 1 ครั้ง และไม่เห็นว่าคืออะไร หลังจากฟาดเสร็จสามีก็เดินลงจากบ้านไป ตนจับดูที่ศีรษะดูก็พบว่ามีเลือดไหล รู้สึกเจ็บมาก จึงเลิกทำกับข้าวแล้วมานั่งพัก ซึ่งเลือดก็ไหลไม่หยุด
กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งลูกชายกลับมาจากขายไหลบัว จึงได้บอกให้ช่วยห้ามเลือด แต่ลูกชายก็ทำไม่เป็น ลูกขอให้ไปโรงพยาบาล ตนก็ไม่อยากไปเพราะคิดว่าเลือดจะหยุดเอง จากนั้นลูกก็ทำอะไรไม่ถูก บอกตนว่าเดี๋ยวจะปั่นจักรยานออกไปขอให้กู้ภัยที่อยู่ในหมู่บ้านมาช่วย จากนั้นก็มีคนมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล และแพทย์รักษาเย็บไปกว่า 10 เข็ม โชคดีที่แผลไม่ลึก แต่ว่าศีรษะแตกเป็นรอยยาว ตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวด แต่ก็กินยาแก้ปวดไปแล้ว
สำหรับนิสัยใจคอของสามีชอบดื่มสุรา เวลาเมาพูดไม่รู้เรื่อง ปกติสามีก็ทำร้ายตนบ่อยครั้ง ตนพูดไม่เข้าหูก็ตบตีตนบ้าง หรือบางครั้งก็กระชากผม แต่ไม่เคยใช้อาวุธทำร้ายมาก่อน และทุกครั้งตนก็ไม่เคยโต้ตอบแต่อย่างใด ตนไม่อยากแจ้งความอะไร เพราะหากสามีไปติดคุก ลูกเมียจะอยู่อย่างไร เพราะตนก็ทำงานไม่ได้ สำหรับตนแล้วให้อภัยสามีได้เสมอ และยังรักเหมือนเดิม แต่ก็ไม่อยากให้ทำแบบนี้อีก
นอกจากนี้นางจินตนา ยังได้พาทีมข่าวไปดูบนบ้าน ภายในบ้านเป็นห้องโล่ง ไม่มีการกั้นห้อง เมื่อขึ้นบันได้ไปด้านซ้ายมือเป็นที่นอน และด้านขวามือจะแบ่งไว้ทำครัว ซึ่งนางจินตนาก็ได้นั่งสาธิตให้ทีมข่าวดูว่า ขณะนั่งทำอาหารตรงจุดดังกล่าว จากนั้นสามีก็มาเข้ามาที่บ้านและถามไถ่ตามปกติ จากนั้นสามีก็เข้ามาด้านหลังและใช้ของแข็งตีที่ศีรษะภรรยาทันที
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายไพรัช บุญอเนก อายุ 56 ปี สามีของนางจินตนา และยอมรับว่าเป็นคนทำร้ายภรรยาจริง ตนกินเหล้าเกือบทุกวัน เวลาไปทำงานกลับมาบ้าน หลายครั้งก็โมโหภรรยา ที่ถามเรื่อยเปื่อย ถามมากไปบางครั้งตนก็เกิดความรำคาญ ตนก็ทำร้ายไปหลายครั้ง เมื่อวานนี้ขณะเกิดเรื่อง ตนก็จำไม่ได้ว่าลงไม้ลงมือตีได้อย่างไร หรือใช้อาวุธอะไรตี เพราะตนจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย
ทั้งนี้ปกติตนมักจะโมโหง่าย เพราะภรรยาถามมาก ถามเยอะ บอกให้ภรรยาหยุดพูดก็ไม่ยอมหยุด ตนจึงมีอารมณ์และเคยตบสั่งสอนเป็นประจำ แต่ก็เป็นเหมือนเดิม ในภายหลังเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นตนก็ขอยอมรับผิด แต่ตนไม่รู้สึกตัวจริง ๆ ตอนนี้ก็คิดว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเวลาเมาเหล้าอีกถ้าภรรยาพูดอะไรไม่เข้าหู ก็ไม่แน่ว่าจะทำร้ายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตนรักภรรยาและลูกจริง แต่หากพูดมากตนก็จะอาจทำอีกก็ได้ เพราะความอดทนของคนมีขีดจำกัด นอกจากนี้ขณะที่ให้สัมภาษณ์ นายไพรัช ยังเล่าว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้เมา แค่เริ่มรู้สึกมึน ๆ เท่านั้น จึงให้สัมภาษณ์ได้
