บุกบ้านชายเสื้อส้ม “แอ๋ม” ปัดอุ้มน้องชมพู่ โชว์ชุดไร้คราบ ท้าสาบานมีลูกเล็กไม่อำมหิต (คลิป)

19 พ.ค. 63

จากกรณีด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก หมู่ที่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ จนกระทั่งพบศพน้องอยู่กลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านราว 5 กม.

698950

อ่านเพิ่มเติมข่าวน้องชมพู่

- ผลชันสูตรรอบสอง "น้องชมพู่" พบบาดแผลที่อวัยวะเพศ และร่องรอยถูกทำร้าย
- สลดเจอ “น้องชมพู่” 3 ขวบกลายเป็นศพสภาพเปลือย พ่อแม่ปล่อยโฮ ญาติคาดถูกชายเพี้ยนย่ำยี
- สุดแปลก! วันหาตัว “น้องชมพู่” พ่อเดินเฉียดศพ กลับไม่เห็น แม่แค้นลั่นอยากฆ่าคนอำมหิต
- เจอ 4 หลักฐานใหม่ใกล้ศพน้องชมพู่ คาดคนอุ้มตัวพักในป่า แม่ชี้ญาติไม่ฆ่าเด็ก
- พิสูจน์เส้นทางซ่อนศพน้องชมพู่ เจอวางร่างบนผาสูง 2 ม. ชี้คนอุ้มเป็นชายกำยำ
- พยานแฉชายเสื้อส้มบุกอุ้ม “น้องชมพู่” เห็นชัดพาเข้าไร่ แต่งงเด็กไม่ร้อง
- เปิดปาก 2 ชายต้องสงสัยโยงอุ้ม “น้องชมพู่” สุดท้อคนจับผิดลั่นไม่เคยขึ้นเขามรณะ

714296

โดยผลชันสูตรรอบเเรกจาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ระบุว่าไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ญาติจึงร้องขอให้ส่งศพมาชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.ตำรวจ กระทั่งวันที่ 18 พ.ค.63 ทราบผลชันสูตรศพมีร่องรอยการทำร้ายร่างกาย พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย ซึ่งเมื่อสรุปข้อมูลของทั้ง 2 โรงพยาบาล พบว่าตรงกัน คือ ยังไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ 

861956

ล่าสุดวันที่ 19 มี.ค.63 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจงยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่โดยปริศนา

โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ นั่งเฮลิคอปเตอร์ เดินทางมาลงจอดที่ รร.บ้านกกตูม ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่บ้านน้องชมพู่ เพื่อลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยมีการเดินเข้าไปทักทายพ่อแม่ของน้องชมพู่เพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินต่อไปยังจุดที่น้องชมพู่อยู่ที่สุดท้าย ก่อนจะหายตัวไป จากนั้นเดินต่อไปยังพื้นที่ไร่มันสำปะหลัง และเลี้ยวไปเส้นทางป่ายาง ที่จะสามารถเดินเข้าเชิงเขาภูเหล็กไฟ

ในระหว่างการสำรวจพื้นที่มี พ.ต.อ.ชัชชัย วงค์สุนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร คอยเดินตอบคำถามพล.ต.อ.สุวัฒน์ ใจความระหว่างการพูดคุยกัน มีการสอบถามเรื่องแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่าดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้วบ้าง รวมทั้งสอบถามเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน และการเดินข้ามภูเหล็กไฟว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่

703941

พ.ต.อ.ชัชชัย ระบุว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่นั้น ตนสั่งให้ชุดลาดตระเวนเฝ้าพื้นที่ตลอดทั้งวัน เพื่อหาหลักฐาน 1 ชิ้น คือ เสื้อกล้ามของน้องชมพู่ที่ยังหาไม่พบ เนื่องจากคาดว่าลักษณะของพื้นที่ภูเหล็กไฟ มีหินที่สลับซับซ้อน อาจเป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ยังหาไม่พบ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ย้ำว่าขอให้หาจนพบเสื้อน้องโดยเร็ว เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี และควรให้มีชุดค้นหาเข้าไปค้นหาด้านในป่า พร้อมทั้งให้ใช้อากาศยานไร้คนขับกระจาย ขึ้นบินค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้หมู่บ้านดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยไม่ถึง 100 หลังคาเรือน 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องสุนัขที่บ้านว่าไม่ส่งเสียง ซึ่งตำรวจระบุว่า หากเป็นคนแปลกหน้า สุนัขที่บ้านก็จะไม่เห่า หากเป็นคนนอกพื้นที่ก็จะไม่เห่า อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นการลงพื้นที่ ได้เดินทางกลับไปที่ รร.บ้านกกตูม เพื่อประชุมชุดสืบสวน ในการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และ สภ.กกตูม เข้าร่วมประชุมด้วย

505027

ทั้งนี้จุดที่พบศพเด็กบนผาหิน เมื่อเดินลึกเข้าไป จะพบเขาที่สูงราว 3 เมตร ลักษณะตั้งฉาก ซึ่งต้องเดินตามซอกหินขึ้นไป ระดับการก้าวแต่ละก้าว สูงราว 1 เมตร ซึ่งสูงกว่าตัวน้องชมพู่ เพราะน้องสูง 85 ซม. แต่หินสูง 2 เมตร ทีมข่าวเดินต่อไปอีกราว 300 เมตร ก็พบกับจุดที่พบศพน้องชมพู่ ซึ่งอยู่ใต้หินขนาดใหญ่ ด้านล่างเป็นดินทรายที่ถูกเกลี่ยจนเรียบ ซึ่งใช้เป็นที่บังแดด บังฝนได้ ด้านหลังของหินก้อนนี้ เป็นลักษณะหินซับซ้อน เป็นซอกจำนวนมาก

ทีมข่าวอมรินทร์ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ ระบุว่า เสื้อแขนยาวแจ็กเกตของนายแอ๋ม ที่ใส่ในวันที่โบกรถขึ้นกระบะของ น.ส.โบว์ เพื่อให้มาส่งที่ด่านตรวจโควิด-19 สามแยกเต่างอย “เสื้อแจ็กเกตที่ใส่ เป็นเสื้อแบบใส่ได้ 2 ด้าน พร้อมบอกด้านในเป็นสีส้ม”

titled_1

ทีมข่าวเดินทางมาบ้านนายแอ๋ม (สงวนชื่อ-สกุลจริง) ผู้ต้องสงสัย หลังจากมีการนำตัวไปสอบปากคำกว่า 2 วัน ซึ่งได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อค่ำวันที่ 18 พ.ค.63 ที่ผ่านมา เพราะถูกส่งตัวไปศาลคดีเสพยาเสพติด ศาลจึงให้นำตัวไปบำบัดและกลับมารายงานตัวตามนัด 

851690

นายแอ๋ม ยังนำเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันที่เดินทางไปที่บ้านมะนาวช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.63 ซึ่งยังไม่ได้ซัก ทำความสะอาด เนื่องจากตำรวจนำไปตรวจสอบแล้ว พบว่ามีเสื้อแจ็กเกตผ้าร่มสีเขียวเข้ม ด้านในเป็นสีส้มจริง แต่ไม่ใช่เสื้อแบบที่สามารถใส่ได้ 2 ด้าน ตามที่มีการตั้งข้อสังเกต และยังมีผ้าปิดจมูก บังลม ลักษณะคล้ายปลอกคอ และกางเกงลายพราง รองเท้าผ้าใบ ซึ่งนายแอ๋มนำมาให้ดู 2 ตัว เนื่องจากจำไม่ได้ว่าสวมใส่ตัวไหน

จากการดูเสื้อผ้าทั้งหมด ไม่พบคราบดิน หรือรอยเปื้อนที่เกิดจากการไปคลุกดินคลุกป่าแต่อย่างใด

557112

นานแอ๋ม เปิดใจครั้งแรก ระบุว่า วันที่เกิดเหตุน้องชมพู่หายไปตนยังไม่รู้ข่าวเลย ตนมาทราบข้อมูลก็วันที่เดินทางมาที่ด่าน เนื่องจากคนที่ด่านพูดกับตน หากเล่าย้อนกลับไปวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตนไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ที่บ้าน จะมีออกไปไกลสุดก็แค่บ้านเพื่อนในชุมชน จากนั้นก็อยู่บ้านตลอด ซึ่งไม่ได้ไปที่บ้านเกิดเหตุแน่นอน และตนไม่เคยไปที่บ้านกกกอกด้วยซ้ำ จะมีก็แค่ขับรถผ่าน ตนยังไม่รู้เลยว่าบ้านของน้องชมพู่อยู่ตรงไหน

225713

ส่วนวันที่ตนไปที่บ้านมะนาว ตนก็ไปวันที่ 12 พ.ค.63 นอนบ้านเพื่อนชื่อยาว 1 คืน จากนั้นก็กลับ สาเหตุที่ตนไปเพราะต้องการไปปรับทุกข์กับเพื่อน และเปลี่ยนที่นอน เนื่องจากตนไม่อยากนอนอยู่บ้าน เนื่องจากตนเพิ่งเลิกกับภรรยา นอนอยู่ที่บ้านก็เห็นแต่หน้าภรรยา

กระทั่งจะกลับบ้านรถจักรยานยนต์น้ำมันหมด ไม่พอที่จะกลับบ้าน ตนเป็นคนไม่ขอเงินใคร จึงตัดสินใจออกเดินเท้าจากบ้านมะนาว เดินมาตามทางมุ่งหน้ามาที่สามแยกเต่างอย (กวนบุ่น) ประกอบกับตนคิดถึงลูกที่อยู่บ้าน จึงไม่รอ กรณีรถน้ำมันหมด ตนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว คือ ขี่รถไปแล้วน้ำมันหมดกลางทาง ตนก็ต้องเข็นรถกลับ ซึ่งเข็นรถทางภูเขาเหนื่อยมาก ตนจึงตัดสินใจเดินดีกว่า เพราะตนเคยทำงานเดินสายโทรศัพท์มาก่อน บางทีต้องเดินข้ามตำบล ข้ามอำเภอ

268927

เมื่อตนเดินออกมาเรื่อย ๆ ตนก็ยังแวะนั่งพักแถว ๆ วัดข้างทาง จากนั้นก็ขอแม่ชีกินน้ำ กินกล้วย ก่อนจะช่วยงานในวัดครู่หนึ่ง และออกเดินต่อจนมาเจอรถกระบะคันที่รับตนไปส่งที่ด่าน ตนจำได้เพียงว่ารถมีลายข้าง ๆ และเป็นรถฟอร์ด จำสีไม่ได้ รู้ว่าผู้หญิงมากันหลายคน จอดสอบถามตนว่าจะไปไหน ตนก็บอกว่าจะไปที่ป้อมตรงแยกกวนบุ่น ผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวก็ให้ตนขึ้นรถ และยังบอกว่าท้ายรถมีถังน้ำ กินน้ำได้ ตนกินไป 3 แก้ว ซึ่งตนคิดว่าคนที่รับตนเป็นคนดี ก็ไม่คิดว่าจะมาสงสัยว่าตนเป็นคนร้าย เมื่อถึงด่านตรวจโควิด-19 ตนได้กล่าวขอบคุณ และเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าเกิดความสงสัยว่าตนเป็นคนร้าย

810883

ทั้งนี้เหตุผลที่ตนต้องไปที่ป้อม เพราะตนจะไปขอให้ตำรวจพาไปส่งที่บ้าน ตอนนั้นก็นึกไม่ออกว่าจะให้ใครช่วย เมื่อถึงป้อมจึงทราบว่ามีข่าวเด็กหาย คนที่ป้อมยังเข้ามาสอบถามตน ก่อนจะเรียกตำรวจมาค้นตัวตน ตนก็ให้ค้นโดยดีแต่ก็ไม่พบอะไร ตำรวจที่ด่านก็ถามตนว่ามาจากไหน นอนที่ไหน หลังค้นเสร็จตนยังบอกคนที่ด่านให้เป็นพยานว่าตนไม่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงยืมโทรศัพท์มือถือเจ้าหน้าที่ที่ด่านโทรศัพท์หาแม่ เพื่อให้มารับตน ก่อนที่ลุงจะมารับและกลับบ้าน ซึ่งปกติแล้วตนไม่มีโทรศัพท์ใช้อยู่แล้ว

444472

ส่วนเรื่องน้องชมพู่ ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง ตนไม่ได้ทำล้านเปอร์เซ็นต์ หมู่บ้านเกิดเหตุตนก็ไม่เคยเข้าไป ภูเหล็กไฟตนก็ไม่รู้จัก ตนแค่ไปเล่นกับเพื่อนที่บ้านมะนาวเท่านั้น อาจจะมีคนเห็นตนขับรถผ่านบ้าง เพราะตนผ่านประจำ ตนท้าให้คนไปสาบานที่ไหนก็ได้

นายแอ๋ม ยังย้อนถามว่า ตนจะไปทำได้อย่างไร ตนยังมีลูกเล็กที่ต้องเลี้ยง แม่ที่มีโรคประจำตัว ยังมีภาระหนี้สิน หากตนไปทำแบบนั้นถามว่าใครจะรับภาระตรงนี้ ตนไม่ทำแน่นอน ส่วนการให้ความร่วมมือกับตำรวจตนก็พร้อมร่วมมือตลอด ตนไม่เครียด ไม่กังวล เพราะตนไม่ได้ทำ ตำรวจก็เก็บดีเอ็นเอของตนไปตรวจแล้ว

401774

ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านมะนาว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านกกกอก ราว 10 กม. เพื่อไปตามคำให้การของครอยครัวนายแอ๋ม ชายต้องสงสัยที่โบกรถชาวบ้านขึ้น เพื่อให้ไปส่งที่สามแยกเต่างอย ได้พบกับ นายอวยชัย ไทยะฝ่าย หรือ นายยาว เพื่อนนายแอ๋ม เป็นเจ้าของบ้านที่นายแอ๋ม มานอนด้วยเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.63 และกลับออกไปเช้าวันที่ 13 พ.ค.63

นายยาว เล่าว่า ตนไม่ได้สนิทกับนายแอ๋มมาก เจอกัน 2-3 ครั้ง โดยนายแอ๋มเป็นเพื่อนของเพื่อน ซึ่งเพื่อนคนนั้นชื่อนายมีน ทั้งนี้นายแอ๋ม เคยมาบ้านตนจริง โดยวันที่ 12 พ.ค.63 ตนเจอนายแอ๋มด้วยความบังเอิญ ขณะที่ตนกำลังจะไปทำสวน นายแอ๋มจึงขอไปด้วย ตนก็ไม่ได้ถือสา ขณะนั้นทราบว่านายแอ๋ม ขี่รถจักรยานยนต์มาที่ชุมชน เพื่อมาเที่ยวเล่นหานายมีน ซึ่งระหว่างที่นายแอ๋มมาหาตน ก็เป็นคนนำรถจักรยานยนต์ให้นายมีนขับออกไปเอง

จากนั้นเช้าวันที่ 13 พ.ค.63 เวลา 06.00 น. ตนขี่รถไปส่งนายแอ๋ม ที่บ้านของนายมีน เพื่อที่จะนำรถจักรยานยนต์ของตัวเองขี่กลับบ้าน เมื่อไปถึงบ้านนายมีน ก็นั่งกินข้าวกันตามประสา จังหวะหนึ่งนายมีนขี่รถนายแอ๋ม ออกจากบ้านไป ทำให้นายแอ๋มไม่พอใจ ระหว่างนั้นก็เดินออกจากบ้านไป ซึ่งตนก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่านายแอ๋ม เดินกลับบ้าน ตนก็ขี่รถกลับบ้านตามปกติ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ตำรวจได้เข้ามาที่บ้าน มาสอบถามตนแล้ว ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับนายแอ๋มมาก แต่เท่าที่เห็นนายแอ๋มไม่น่าจะไปก่อเหตุเช่นนี้ได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส