ผู้หลงป่าทั้ง 4 คนยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการโดยรวมดีขึ้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ให้น้ำเกลือและจัดยาบำรุงตามอาการ โดยต้องรอผลการตรวจเลือดช่วงสายของวันนี้ หากไม่พบสิ่งผิดปกติคาดว่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้
จากกรณีชาวบ้าน 4 คน ในต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลงเข้าไปในป่า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม และเจ้าหน้าที่ทหารได้นำเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัยตั้งแต่เมื่อวานนี้(18 พ.ค.)
ล่าสุดเช้าวันนี้ (19 พ.ค.) ที่โรงพยาบาลวังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผู้หลงป่าทั้ง 4 คนยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการโดยรวมดีขึ้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ให้น้ำเกลือและจัดยาบำรุงตามอาการ โดยต้องรอผลการตรวจเลือดช่วงสายของวันนี้ หากไม่พบสิ่งผิดปกติคาดว่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางแดง ชัยชนะ อายุ 43 ปี ผู้หลงป่า กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนแรกที่หลับสนิทหลังออกจากป่า เนื่องจากที่ผ่านมาต้องกังวลกับสัตว์ร้ายในป่า ทั้งช้างที่ได้ยินเสียงร้องตลอดช่วงกลางคืน และร่องรอยของกระทิง ซึ่งตนก็กลัวว่าสัตว์เหล่านี้จะเข้ามาทำร้าย ช่วงที่อยู่ในป่าก็กินผลไม้ เช่น มะไฟ และสังเกตผลไม้ที่มีรอยสัตว์กินซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัย นอกจากนี้ก็พบร่องน้ำ แต่น้ำค่อนข้างเหลือง จึงตักใส่ขวดน้ำพลาสติกมาเผาไฟให้ตะกอนตกลงไปด้านล่างก่อนนำมากิน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พรานเชื่อ 4 ชีวิตหลงป่าเจออาถรรพ์เมืองลับแล โชว์ “ผมนางไม้”อธิษฐานขอทำยาพบทางออก
- 5 วันกับ 4 ชีวิตที่หลงป่าทุ่งแสลงหลวง
- เฮลั่น ฮ. เจอ 4ชีวิตหลงป่า เชื่อ 5 วันหาไม่เจอสิ่งลี้ลับบังตา อึ้งเดินไกล 20 กม.
- สู่อ้อมกอดครอบครัว 4 ชีวิต หลงป่าทุ่งแสลงหลวง
ระหว่างทางเจอเถาวัลย์ก็ใช้มีดฟัน ซึ่งไม่มั่นใจว่าเป็นผมนางไม้หรือไม่ แต่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บังตา เพราะปกติตนเข้าป่าไม่เคยหลงทาง แต่ครั้งนี้งงมาก ทำไมไม่รู้ทิศ บางครั้งตนได้ยินเสียงคนเดิน เสียงหมาเห่า ตนก็พยายามร้องเรียก และได้ยินเสียงอีกฝ่ายรับกลับมา แต่จู่ๆ เสียงก็หายไปเหมือนไกลไปเรื่อยๆ เหมือนมีอะไรบังไว้ไม่ให้เห็นพวกตน ซึ่งนางทองรัตน์ก็คอยสะกิดตนช่วงกลางคืนว่า เห็นแสงไฟ ตนก็เห็นและพยายามร้องเรียกแต่ไม่มีคนรับ
คืนวันที่ 16 พฤษภาคมตนฝันว่ามีผู้ชาย 3 คนเดินเข้ามาหาแต่ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ลูกสาวไปดูดวงมาแล้วบอกว่ามีผู้ชายคุมอยู่ 4 ทิศ กระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคม ตนต้องบนบานว่าหากออกไปได้จะตั้งหัวหมู และเหล้าจึงมีเจ้าหน้าที่ทหารมาเจอ โดยคืนวันที่ 17 พฤษภาคมก่อนออกมาจากป่าช่วงใกล้รุ่งตนฝันเห็นผู้ชาย 1 คนมารั้งตนเอาไว้ไม่ให้ตนออกจากป่า บอกว่า “ไม่ให้ไป ลงทุนมาเยอะแล้ว” ตนสะดุ้งตื่นพอดีและไม่กล้านอนต่อกลัวหลับไม่ตื่น
นายวิโรจน์ ชัยชนะ อายุ 45 ผู้หลงป่า กล่าวว่า วันที่ 17 พฤษภาคมช่วงบ่าย เดินมาเห็นต้นไม้ใหญ่ 3 ต้น จู่ๆ ตนก็มีอาการอ่อนเพลีย จิตใจโรยรา เหมือนมีบางอย่างรั้งตนไว้ไม่ให้เดินต่อ จนตนต้องนอนอยู่บริเวณดังกล่าวเป็นชั่วโมง กระทั่งมีเสียงเฮลิคอปเตอร์จากเจ้าหน้าที่ทหาร และได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ให้ลุกขึ้นยืน ขณะนั้นตนยืนได้ทันทีไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย เหมือนมีแรงขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ โดยความรู้สึกตนเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเจ้าหน้าที่ไม่มาเจอตนอาจไม่มีชีวิตรอดออกมา เพราะร่างกายอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรง
โดยตนรู้สึกว่าช่วงวันแรกที่หลงเหมือนมีบางอย่างคอยบังคับจิตใจให้เดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม ไม่ออกไปไหน จึงเชื่อเรื่องสิ่งบังตา โดยเฉพาะช่วงที่มุดโพรงต้นไม้ ซึ่งนางแดงบอกว่าเจอเครือเถาวัลย์ พร้อมบ่นว่า เครืออะไรนักหนา พร้อมเตะไม่ให้กีดขวาง เมื่อมุดออกมาจากบริเวณดังกล่าวได้ เงยหน้าอีกทีเหมือนหลุดไปอีกป่า เจอต้นไม้ใหญ่ ป่าไผ่เขียวชอุ่ม ซึ่งตนไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ออกจากโรงพยาบาลและจะไปบวชตามที่มีการบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
ขณะที่เด็กชายปัญญา น้อยอินทร์ อายุ 13 ปี ที่หลงป่ากับญาติๆ บอกว่า หากออกมาได้จะใส่ชุดขาวเข้าวัด 14 วัน วันถัดมาก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ทหาร นาทีนั้นดีใจจนน้ำตาไหล เมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้ถอดเสื้อ ตนก็ถอดและแกว่งให้เจ้าหน้าที่เห็น โดยตอนนี้กลัวการเดินป่ามากไม่กล้ากลับไปอีกแล้ว
