ไล่ออก อส.ตร.ปรี่ทำร้ายเจ้าของบ้าน ขณะบุกจับฝืน พ.ร.ก. เผยปมยัวะถูกด่าไม่ใช่ตำรวจ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เพซบุ๊ก "เกียงไกร ไทยอ่อน" โพสต์คลิปวิดีโอเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 2 นาย และมีอาสาตำรวจ 1 นาย เข้ามาจับกุม ผู้ต้องหารายหนึ่งที่กำลังนั่งดื่มสุรากันอยู่บริเวณหน้าบ้าน จนมีการโต้เถียงกันกับผู้ต้องหา อ้างว่าเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโดยไม่รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้หนึ่งในผู้ต้องหาก็โต้เถียงไปว่า นั่งดื่มสุรากำลังจะเลิกดื่มอยู่แล้ว ประกอบกับไม่ได้ออกจากรั้วบ้านแต่อย่างใด นั่งกินอยู่ภายในบริเวณบ้านตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ฟังเหตุผล ผู้ต้องหาก็ต่อว่าเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจที่เข้ามาภายในบ้านให้ออกจากบ้านไปก่อนเพราะไม่ใช่ตำรวจ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ๆ เท่านั้นอยู่ในบ้านได้ แต่ระหว่างนั้นกลับมีอาสาตำรวจนายหนึ่งปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว จนได้รับบาดเจ็บ

โดยคลิปดังกล่าวยังปรากฏช่วงที่เกิดเหตุชุลมุน อาสาสมัครตำรวจนายนั้น ปรี่เข้าไปทำร้ายเพื่อแย่งโทรศัพท์มือถือขณะผู้ต้องหากำลังบันทึกภาพตอนที่ตำรวจเข้าไปจับกุม ซึ่งนายศิวะ ทรงธิบาย อายุ 30 ปี ทราบชื่อภายหลัง และเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลที่หน้าอก ใบหน้า และหลังเท้าขวา

ล่าสุดวันที่ 17 พ.ค.63 นายศิวะ ผู้ต้องหา เดินทางไปที่ รพ.พานทอง ไปพบแพทย์ เข้าตรวจ โดยแพทย์ รพ.พานทอง วินิจฉัย ลงในใบรับรองแพทย์ บาดแผลฟกช้ำ ถลอก จากการกระทบกระแทก โดยนายศิวะ บอกว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด ตนไม่ติดใจเอาความ และพวกตนก็มั่วสุมรวมตัวอยู่ที่หน้าบ้านเกินเวลาเคอร์ฟิวจริง ก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว

พ.ต.อ.ปวัชร์ชัย สุดสคร ผกก.สภ.พนัสนิคม กล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหามั่วสุมยามวิกาล ซึ่งเป็นการการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชลบุรี โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี เป็นประธานกรรมอีกด้วย ตนขอชี้แจงประเด็นที่ ตำรวจและอาสาสมัครตำรวจ เข้าไปจับกุมก็เพราะเป็นคำสั่งของรัฐบาล และคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชลบุรี ที่ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ที่ใครจะมาฝ่าฝืนไม่ได้ อีกทั้งมีหน้าที่ต้องจับกุมดำเนินคดี ทั้งนี้ เพราะประเทศไทยยังอยู่ในภาวะไม่ปกติ ต้องการหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

อย่างไรก็ตามทางฝ่ายผู้ต้องหา ก็เข้าใจและไม่ติดใจเอาความ แต่ในส่วนของอาสาสมัครตำรวจคนนั้น ตนมีคำสั่งให้ออกจากอาสาสมัครตำรวจไปแล้ว เพราะเกรงว่าหากเป็นผู้ช่วยตำรวจ กระทำการแบบนี้ ทั้งการชก การเข้าไปฉุดกระชากแย่งมือถือ และเข้าไปทุบตี การใจร้อนก็อาจจะก่อเรื่องให้เกิดความวุ่นวายที่ใหญ่โตกว่านี้ได้ นอกจากนี้ในส่วนการทำงานของอาสาสมัครตำรวจ ตนจะเรียกเข้ามาอบรมให้มีพฤติกรรมและมีวินัยมากกว่าเดิมอีกด้วย 

ส่วนเรื่องการดำเนินคดี 2 ผู้ต้องหา ในข้อหามั่วสุม ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาล จ.ชลบุรี ไปแล้ววันที่ 16 พ.ค.63 ซึ่งทั้งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัวในชั้นศาล จ.ชลบุรี และกำลังหาทนายความเพื่อสู้คดีต่อไป