จากกรณีการหายตัวของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักหมู่ที่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยหายไปตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ รวมทั้งถามชาวบ้านแต่ก็ไม่พบ กระทั่งวันที่ 14 พ.ค.63 ได้รับการยืนยันเมื่อเวลา 19.00 น. ว่าพบร่างไร้วิญญาณของน้องชมพู่กลางป่าบนยอดเขาภูเหล็กไฟ ลักษณะศพนอนเปลือยกาย นอนหงายถ่างขา ดวงตาเบิกโพลง เพิ่งจะเสียชีวิต ศพไม่ส่งกลิ่นเหม็น และยังไม่ขึ้นอืด ห่างจากบ้านราว 5 กม.
อ่านเพิ่มเติมข่าวน้องชมพู่
- ผลชันสูตรรอบสอง "น้องชมพู่" พบบาดแผลที่อวัยวะเพศ และร่องรอยถูกทำร้าย
- สลดเจอ “น้องชมพู่” 3 ขวบกลายเป็นศพสภาพเปลือย พ่อแม่ปล่อยโฮ ญาติคาดถูกชายเพี้ยนย่ำยี
- สุดแปลก! วันหาตัว “น้องชมพู่” พ่อเดินเฉียดศพ กลับไม่เห็น แม่แค้นลั่นอยากฆ่าคนอำมหิต
- เจอ 4 หลักฐานใหม่ใกล้ศพน้องชมพู่ คาดคนอุ้มตัวพักในป่า แม่ชี้ญาติไม่ฆ่าเด็ก
- พิสูจน์เส้นทางซ่อนศพน้องชมพู่ เจอวางร่างบนผาสูง 2 ม. ชี้คนอุ้มเป็นชายกำยำ
ล่าสุดวันที่ 15 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้มาพูดคุยกับ น.ส.โบว์ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่พบชายต้องสงสัย โดยน.ส.โบว์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.63 เวลา 14.00 น. ตนกำลังเดินทางมาจาก จ.ยโสธร เพื่อมุ่งหน้ามาช่วยภารกิจตามหาน้องชมพู่ ระหว่างทางที่ตนขับรถกระบะมาพร้อมกับเพื่อนอีก 7 คน กำลังจะเข้าปากทางเข้าหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ. ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตนก็ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง เดินอยู่ข้างทาง ใช้เสื้อสีดำปิดบังใบหน้าเอาไว้ แต่งกายคล้ายชุดทหาร มีท่าทีลุกลี้ลุกลน ดินเปื้อนตามเสื้อผ้า และยังดูอ่อนล้า มีเหงื่อไหลเต็มตัว โดยชายคนดังกล่าวยืนฝั่งที่ออกมาจากเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากจุดที่พบศพน้องชมพู่ 6 กม. และห่างจากบ้านน้องชมพู่ 2 กม.
จากนั้นตนได้จอดรถรับชายคนดังกล่าวขึ้นกระบะท้าย แต่ก่อนจะขึ้นรถได้สอบถามว่า จะให้ไปส่งที่ไหน ชายรายนี้ตอบว่าที่ไหนก็ได้ แต่ให้ไปให้พ้นหมู่บ้านนี้ จากนั้นตนและเพื่อน ๆ ก็ได้ขับไปส่งผู้ต้องสงสัยที่ป้อมตำรวจ สามแยกเต่างอย - ดงหลวง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่แวะรับชายคนดังกล่าว ประมาณ 4 กม.
ด้วยความสงสัยว่าชายคนดังกล่าว จะเป็นผู้ต้องสงสัยที่ลักพาตัวน้องชมพู่ไปนั้น ตนตึงได้ถ่ายรูปของชายคนดังกล่าวไว้ นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังไม่ค่อยหันหน้ามาสบตา สำหรับสิ่งที่ตนสงสัย คือ คำพูดที่บอกว่า "ให้ไปส่งที่ไหนก็ได้ แต่ให้พ้นหมู่บ้าน" พวกตนจึงเดินทางมาให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทีมข่าวลงพื้นที่เส้นทางถนนตามคำให้การของ น.ส.โบว์ (นามสมมติ) ที่ระบุว่ามีการรับตัวชายต้องสงสัยมาจากข้างทาง โดยบอกกับคนขับรถว่าให้ไปส่งที่ สามแยกแยกเต่างอย โดยจุดที่แวะรับชายต้องสงสัยอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านของน้องชมพู่ ประมาณ 2 กม. พบว่าจุดดังกล่าวเป็นป่าข้างทาง บางจุดเป็นสวนยาง ซึ่งไม่มีบ้านเรือนประชาชน ทำให้ไม่มีคนพบเห็น ชาวบ้านระบุว่า จุดนี้เป็นจุดที่สามารถเดินลัดเลาะมาจากภูกะโล้น ซึ่งเป็นภูที่เชื่อมต่อจากภูเหล็กไฟ จุดที่พบศพน้องชมพู่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางรพีพรรณ แก้วสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านขัวสูง ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งมีหน้าที่ประจำด่านในวันที่ 13 พ.ค.63 ซึ่งตรงกับวันที่พบชายต้องสงสัย เปิดเผยว่า ช่วงที่ชายคนดังกล่าวนั่งรถมาที่ด่าน ตนไม่แน่ใจว่ามาอย่างไร ทราบเพียงว่าขอติดรถมาลงที่แยกกวนบุ่น เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากชายรายนี้ ระบุว่า เดินทางมาเที่ยวบ้านเพื่อน ซึ่งอยู่เลยจากหมู่บ้านของน้องชมพู่ออกไปอีก 2 หมู่บ้าน แต่รถจักรยานยนต์ถูกเพื่อนยืมไป และน้ำมันหมด จึงเดินด้วยเท้ามาตามทาง
ชายต้องสงสัย ยังเล่าให้ผู้ใหญ่ฟังอีกว่า ถูกเมียทิ้ง และมีลูกสาวยังเล็ก รู้สึกสงสารเด็กที่เป็นข่าว ซึ่งตนไม่ได้ถาม แต่ชายรายนี้ก็พูดขึ้นมา ลักษณะการพูดเหมือนคนเมา แต่ไม่เหมือนคนเมาเหล้า เจ้าหน้าที่ที่ด่านจึงขอค้นตัว แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นอกจากนี้ชายรายนี้ยังอ้างว่า ต้องการจะกลับบ้าน จึงยืมโทรศัพท์โทรหาแม่ให้มารับ โดยบอกเพียงว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร หลังจากผ่านไป 1 ชม. ก็มีลุงและแม่ของชายรายนี้มารับตัวไป ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร จนกระทั่งมีตำรวจมาสอบถาม
นางรพีพรรณ ยังเผยอีกว่า ชายรายนี้พูดประโยคที่น่าสงสัยประโยคหนึ่ง "ตัวเองไม่ผิด ตัวเองเลยไม่กลัวด่าน จึงเดินเข้ามาที่ด่าน" ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไม่ได้สอบถามอะไรชายคนดังกล่าว แต่ก็พูดขึ้นมาเอง
