กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุกรณีเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปีถูกป้าแท้ ๆ อายุ 37 ปี พาไปให้นายเบ้ ชายเป็นใบ้ อายุประมาณ 50 ปี กระทำอนาจาร เพื่อแลกเงินจำนวน 200 บาทนั้น
วันที่ 13 พ.ค. 63 นางกุ้ง (นามสมมติ) อาของเด็กหญิงวัย 12 ปี เล่าว่า ตนเพิ่งรับด.ญ.เอ มาอยู่ด้วยกันประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากพ่อของ ด.ญ.เอ ติดคุกคดียาเสพติด กระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ค. 63 เวลา 13.00 น. สุนัขที่เลี้ยงไว้หลุดออกไปนอกบ้าน ตนจึงวานให้นางเอส พี่สาว ซึ่งบ้านอยู่ติดกันช่วยออกไปตาม โดยให้ค่าจ้างจำนวน 20 บาท แต่ด้วยความไม่ไว้ใจกลัวอีกฝ่ายจะรับเงินแล้วหายไป จึงบอกให้ ด.ญ.เอ หลานสาว นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นางเอสออกไปด้วย
จนเวลาประมาณ 15.00 น. นางเอสเพิ่งพา ด.ญ.เอ กลับมาบ้าน ตนจึงเอะใจ เพราะหายไปนานกว่า 2 ชั่วโมง ประกอบกับเห็นด.ญ.เอ ถือขนมมาเยอะ จึงสอบถามว่าหายไปไหนมา ตอนแรกนางเอสอยู่ด้วย หลานสาวจึงไม่กล้าพูด เมื่อนางเอสกลับไปจึงบอกว่า ป้าพาไปขอเงินนายเบ้ คนใบ้ ในวัดห่างจากบ้านประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วได้เข้าไปในห้องน้ำกับนายเบ้ อีกฝ่ายใช้อวัยวะเพศถูที่อวัยวะเพศของตัวเอง ก่อนให้เงินมา 200 บาท และถูกป้าพาไปหานายเบ้หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ แต่ละครั้งจะได้เงินมา 100-300 บาท ซึ่งหลานสาวไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องผิด เนื่องจากยังเด็ก
"ตนโกรธมากที่พี่สาวก่อเหตุดังกล่าว เพราะหลานไม่มีพ่อแม่ แทนที่จะช่วยกันดูแล กลับพาหลานไปให้คนอื่นอนาจาร ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด" อาของเด็ก กล่าว
นางรัชนี วชิรภูชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เด็กหญิงมีพ่อ อายุ 34 ปี ซึ่งปัจจุบันถูกดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด ส่วนแม่ได้หย่าร้างกับสามีตั้งแต่สมัยที่เด็กยังเล็ก ซึ่งขณะนี้ พม. กำลังดำเนินการสืบค้นเพื่อติดตามผู้เป็นแม่ ว่าจะมีความพร้อมในการนำเด็กหรือไม่
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้นำเด็กเข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล วันพรุ่งนี้อัยการจะดำเนินการสอบถามข้อมูลจากน้องเออีกครั้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในเบื้องต้นขณะนี้น้องเออยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กจังหวัดฉะเชิงเทรา สังกัด พม.
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ วัดในอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พบห้องน้ำลักษณะเป็นอาคารปูนยาวชั้นเดียว แบ่งออกเป็นห้องสุขา และห้องอาบน้ำ รวม 15 ห้อง ตั้งอยู่ด้านข้างวัด ติดกับกุฏิพระ
พระธนา ภู่ธงแก้ว ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ระบุว่า พระและลูกศิษย์วัดไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่รู้ข่าวเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเด็กมาชี้จุด ส่วนนายเบ้ เป็นคนใบ้และเป็นลูกศิษย์วัดที่มักจะมาช่วยงานวัดช่วงเช้าและเย็น โดยหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วงเช้าวานนี้ ก็ยังเห็นนายเบ้เข้ามาที่วัดตามปกติ
ส่วนนางเอส ป้าของเด็กหญิงวัย 12 ขวบ ก็มักจะเข้ามาหานายเบ้ที่วัดเป็นประจำ เชื่อว่าน่าจะมาขอเงิน โดยเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วตนเคยเห็นนางเอสพาเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 7-8 ขวบมาขอข้าวที่วัดกินเป็นประจำ แต่ระยะหลังไม่เห็นเด็กหญิงรายดังกล่าวแล้ว
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายเบ้ ผู้ถูกกล่าวหา โดยพบเจ้าตัวอยู่กับแม่ สอบถามนายเบ้ว่าเป็นคนก่อเหตุอนาจารเด็กหญิงวัย 12 ปีจริงหรือไม่ เจ้าตัวตอบกลับมาด้วยภาษามือ ยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ
นางเนียง (นามสมมติ) แม่ของนายเบ้ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าลูกชายไม่ได้ก่อเหตุ ปกติลูกชายจะเข้าไปช่วยงานวัดช่วงเช้า ก่อนกลับมาทำงานที่เล้าไก่ข้างบ้านตลอดทั้งวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ลูกชายยังทำงานอยู่กับตนตามปกติในช่วงกลางวัน ไม่สามารถจะไปก่อเหตุที่วัดได้ นอกจากนี้ ตนก็ไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายเบ้ กับป้าเด็กหญิงเอ แต่รู้ว่าเคยมีผู้หญิงพยายามมาขอเงินลูกชาย
ลูกชายเป็นคนรักเด็ก ไม่น่าจะก่อเหตุดังกล่าว ที่ผ่านมาลูกชายก็ให้เงินเด็กละแวกบ้านเป็นประจำ ด้วยความสงสาร และไม่เคยก่อเหตุหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ตอนนี้ตนก็เครียด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ติดต่อมา แต่มีข่าวออกไป ซึ่งหากลูกชายถูกจับจริงตนก็ต้องปล่อย เพราะไม่มีเงินจะไปประกันตัว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวป้าของเด็ก พร้อมแจ้งข้อหาค้ามนุษย์เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจาร พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร โดยได้ส่งศาลจังหวัดฉะเชิงเทราฝากขังไปเรียบร้อยแล้ว
