จากกรณี น้องหมีพูห์ อายุ 14 ปี พร้อมพี่สาว น้องแตงโมง อายุ 23 ปี ชาว อ.เมือง จ.นครปฐม 2 พี่น้อง ได้เขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ และเดินทางไปร้องทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่สำนักงานในจังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 พ.ค.63 ว่าแม่ขี่รถจักรยานยนต์ถูกรถเก๋งชนจนพิการ พ่อมีเมียใหม่ประกันไม่จ่าย
โดยอาการของนางณัฐชาวีร์ คือแขนขาลีบไม่มีแรง แขนหัก หัวไหล่ติด ก้านคอร้าว อาจจะรักษาไม่หาย น้ำหนักลด จากเดิม 80 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือแค่ 50 กิโลกรัม เสี่ยงพิการตลอดชีวิต สภาพจิตใจก็ย่ำแย่และสามีก็ไปมีแฟนใหม่
ทั้งนี้นายรณรงค์ จึงพาเข้าพบนายไมตรี ชนูดหอม ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้เป็นคนกลางในการประสานไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทประกัน ที่เจ้าของรถคู่กรณีได้ทำประกันไว้ ในด้านการช่วยเหลือเงินสินไหมทดแทนประกันอุบัติเหตุ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ หลังจากเกิดเหตุทางผู้เสียหายยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากทางบริษัทประกันภัย และยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเพื่อตกลงค่าสินไหมทดแทน
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค.63 นายรณรงค์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีที่ทำสำนวน ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จึงทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในทางคดีเกิดความล่าช้าออกไป จึงตั้งข้อสังเกตว่า โดยปกติคดีแบบนี้จะต้องมีการสั่งฟ้องภายใน 3 เดือน แต่ขณะนี้กลับปล่อยเลยคดีเกือบจะหลุด
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้เชิญทนายรณรงค์ และครอบครัวของน้องหมีพูห์ พร้อมกับตัวแทนจากบริษัทประกันภัย มาพบที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบเช็คเงินสด จำนวน 774,000 บาท ซึ่งเป็นเงินค่าสินไหมทดแทน จากทางบริษัทประกันภัย ให้กับครอบครัวของน้องหมีพูห์ พร้อมทั้งมอบกระเช้าเพื่อขอโทษ หลังดำเนินการเรื่องที่เป็นไปอย่างล้าช้า โดยที่นางณัฐชาวีรีย์ จะนำเงินไปผ่าตัดขาและทำกายภาพ อีกส่วนจะนำไปถอนที่ดิน 400,000 บาท และไถ่ถอนรถยนต์
โดยภายหลังจากที่ได้รับมอบเช็คเงินสดดังกล่าวแล้ว นางณัฐชาวีรีย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณทนายรณรงค์ที่ให้ความช่วยเหลือ เพราะหากไม่มีทนายเข้ามาช่วยเหลือ ครอบครัวก็คงจะลำบากและยังหาทางออกไม่ได้ และคิดว่าหลังจากนี้ครอบครัวคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น คงต้องรักษาตัวและทำกายภาพ และผ่าตัดที่ขาอีกครั้ง แต่ก็ต้องดูว่าหลังผ่าตัดอาการจะดีขึ้นหรือไม่
แต่ตนรู้สึกภูมิใจที่ลูกชายรักและเป็นห่วงตน โดยวันที่ลูกมาบอกว่าได้เขียนจดหมายไปหาทนายรณรงค์ หลังดูข่าวแล้วเห็นว่า ทนายสามารถช่วยคนที่เดือดร้อนได้ และไม่คาดคิดว่าทนายจะติดต่อกลับมาและให้ความช่วยเหลือจนตนได้รับเงินจากบริษัทประกันของรถคู่กรณี
