ไขปริศนา! กู้ภัยทำคนเจ็บตกรถ ขอโทษประมาท ญาติติงให้รอบคอบ อภัยถือเป็นบทเรียน (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก gip sarisa โพสต์คลิปจากกล้องบันทึกภาพหน้ารถ ขณะที่รถกู้ภัยทุ่งครุกำลังนำผู้ได้รับบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลบางปะกอก 1  โดยกู้ภัยไปรับผู้บาดเจ็บมาจากถนนประชาอุทิศ 90 หลังรถมอเตอร์ไซค์ถูกตัดหน้า ทำให้รถล้มใบหน้ามีบาดแผล เลือดไหลอาบหน้า

แต่ระหว่างการนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนประชาอุทิศ ก่อนแยกนาหลวง กูภัยได้จอดรถติดไฟแดง ก่อนที่จะออกตัวกระทันหัน ทำให้เปลที่มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ เลื่อนไหลตกลงมาที่พื้นถนน ซึ่งรถกู้ภัยได้หยุดทันที โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ 

ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.63 นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และรักษาการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติ พร้อมด้วยนายธีรวุฒิ คำภิมาบุตร หัวหน้าแผนกอาสาสมัคร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ออกมาชี้แจงว่า หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนและทางทีมงานพร้อมทั้งคนขับรถกู้ชีพคันดังกล่าว ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยนำกระเช้าไปมอบให้ พร้อมทั้งกล่าวคำขอโทษ ซึ่งทางญาติก็ไม่ได้ติดใจเอาความหมาย แต่มีการตำหนิกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าประมาทเลินเล่อ

ทางมูลนิธิรู้สึกเสียใจกับทางผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ญาติพี่น้อง และประชาชน ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก ตนก็จะนำข้อผิดพลาดเหล่านี้ไปปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป และในวันพรุ่งนี้ตนจะให้อาสาสมัคร ผู้ที่ก่อเหตุมาเขียนใบคำร้องแจงรายละเอียด และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อประเมินให้โทษแก่ผู้ก่อเหตุ โดยเกณฑ์การถูกทำโทษนั้น จะมีการตักเตือน ให้พักงาน 3 เดือน 6 เดือน และให้ลาออก ส่วนอาสาสมัครคนดังกล่าวต้องรอสอบสวน

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้มีวิธีสาธิตการทำงานขณะการปฏิบัติงานยกผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร ซึ่งกรณีที่เกิดเหตุการณ์นั้นอาจจะเพราะว่าผู้ได้รับบาดเจ็บมีน้ำหนักมาก ทำให้การยกเปลขึ้นรถแล้วไม่ได้ล็อกเปลให้แน่น ถึงทำให้ล้อด้านหลังของเปลเลยออกจากแผ่นล็อก แต่ความเป็นจริงแล้วต้องตรวจเช็กให้ดีว่าเปลถูกล็อกล้อดีแล้วหรือไม่ และประตูปิดแน่นจริงหรือไม่

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊ง ยังสาธิตการทำงานขณะการปฏิบัติการยกผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร โดยบอกว่าปกติจะมีเจ้าหน้าที่ประจำรถ 3 คน แต่ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ประจำจุดไปดูแลผู้บาดเจ็บอีกเหตุ ทำให้ต้องเรียกอาสาจุดใกล้เคียงไปดูแลเหตุซ้อนดังกล่าว ซึ่งในรถมีอาสา 2 คน

แต่หนึ่งในนั้นเป็นอาสาสมัครสำรอง ซึ่งไม่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อยู่ระหว่างทำงานหลัก คือ ซ่อมรถที่อู่ ตัวเปื้อนน้ำมัน จึงทำให้เหลือคนขับเพียงคนเดียวที่ดูแลคนป่วย และทำหน้าที่ขับรถ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลข้างหลัง

พร้อมอธิบายว่าวิธีการยกผู้บาดเจ็บขึ้นรถขณะนอนเปลแล้ว ต้องให้ล้อเปลอยู่ระหว่างรางล็อกเปล ต้องดูว่าล้อเปลออกมาข้างนอกรางล็อกหรือไม่ หากจัดเปลให้อยู่ระหว่างกลางรางล็อกแล้ว จากนั้นดันเปลเข้าไป แล้วตัวล็อกล้อเปลก็จะมีเสียงดังกิ๊ก กู้ภัยก็ต้องมาเช็กบริเวณด้านท้ายเปลว่าล็อกแล้วหรือไม่ 

ด้านนายทรงพล เนียมนิตย์ อาสาสมัครกู้ภัยคนขับรถที่เกิดเหตุ เปิดใจว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนขับรถ ตนเสียใจ อยากขอโทษญาติของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้บาดเจ็บและสังคม ตนขอโทษที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อน ขณะนี้สังคมได้ด่าทอตน ตนก็รู้สึกท้อแท้ แต่ก็ต้องทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่อไป สังคมโปรดเห็นใจอย่าด่าตนเลย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมงานทุกคนมีเคสที่ต้องรับผิดชอบ ปกติตนจะมีกู้ภัยมานั่งด้วย

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ได้ขอโทษกับผูได้รับบาดเจ็บและขอโทษทางครอบครัว ตนไม่ได้ตั้งใจ และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ตนขอฝากถึงกู้ภัยทุกคน ต่อไปต้องเช็กดูรถว่าปิดประตูสนิทหรือไม่ เปลนอนของผู้ป่วยเข้าล็อกหรือยัง ต่อไปนี้ทางมูลนิธิจะลงโทษตนอย่างไร ตนเห็นสมควร เพราะตนผิดจริง

ทีมข่าวของเราได้เดินทางไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2 โดยมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธป่อเต็กตึ๊ง พร้อมกับนายทรงพล เข้าไปเยี่ยมและถามไล่อาการของนายกิตติศักดิ์ บุญมี ผู้ได้รับบาดเจ็บ 

น.ส.ปารณีย์ บุญมี อายุ 42 พี่สาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งก็ได้เดินทางมาขอโทษ ทางครอบครัวตนก็ให้อภัย เพราะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ขอติงเรื่องที่ประมาท ไม่รอบคอบ ควรจะเช็กอุปกรณ์ก่อนที่จะขับออกมา และควรมีเจ้าหน้าที่มานั่งกับผู้ป่วยด้วย ขณะนี้ตนขอโฟกัสอาการนายกิตติศักดิ์ น้องชายก่อน เพราะขณะที่น้องชาย เลื่อนไหลออกมาจากรถกู้ภัย ศีรษะได้ไปกระแทกท้ายรถ อาการขณะนี้ทางแพทย์ให้รอดูอาการที่ห้องไอซียู สามารถพูดคุยได้บ้าง แต่ยังอยู่ในการมึนงง แต่ยังจำอะไรได้เหมือนเดิม

โดยนายทรงพล ได้เข้ามาขอโทษและยอมรับผิด ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร หลังจากที่ทราบข่าวก็ตกใจ แต่ไม่ได้โกรธและโมโห เรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ครั้งต่อไปควรรอบคอบระมัดระวัง

ส่วนเรื่องการลงโทษนายทรงพล ตนยังไม่ได้คิด เพราะตนเข้าใจว่านายทรงพล ปฏิบัติหน้าที่ ต้องการรับผู้ป่วย เพื่อรีบส่งผู้ป่วยมายังที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ตนเข้าใจว่าคนเราผิดพลาดกันได้ แต่ควรทำให้ผิดพลาดน้อย หลังจากนี้เป็นเรื่องของทางมูลนิธิฯ ที่จะต้องดูแล การลงโทษก็แล้วแต่ทางมูลนิธิฯ อย่างไรก็ตามตนเห็นใจ ไม่อยากให้ทำโทษรุนแรงถึงขั้นไล่ออก 

นอกจากนี้ดร.วิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอโทษกับน.ส.ปารณีย์ และจะถอดบทเรียนครั้งนี้ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ทั้งนี้น.ส.ปารณีย์ ยังได้บอกกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ตนขอให้นายทรงพล ไปนำกล้องวงจรบริเวณที่เกิดเหตุมาให้ตนดู เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนน้องชาย ก็ไม่ได้ติดใจเอาความใด ๆ ทั้งสิ้น อยากให้เรื่องนี้จบด้วยดี

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังได้ติดต่อไปยัง ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ได้นำคลิปวิดีโอดังกล่าวมาโพสต์ แต่ปฏิเสธอ้างว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แต่ขอชี้แจงว่าที่ได้นำมาโพสต์นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดี แค่อยากเตือนสังคมเพียงเท่านั้น