"ผมขอถวายฎีกา" ลุงโรคเรื้อน เผยนาทีเปลี่ยนชีวิต หลังพบในหลวง ร. 9 (คลิป)

12 ต.ค. 60
วันที่ 11 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายดาว งอวอ หรือ "ปู่ดาว" อายุ 94 ปี อดีตผู้ป่วยโรคเรื้อนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเคยสัมผัสตัวโดยไม่รังเกียจ
รูปขณะ "ปู่ดาว" รับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9
"ปู่ดาว" ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นให้ฟังว่า สมัยก่อนตน และเพื่อน ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมาก จะเดินทางไปที่ใดก็มีแต่คนรังเกียจ แม้แต่ญาติพี่น้องก็ทอดทิ้ง และมีชีวิตอยู่แบบขมขื่น
ายดาว งอวอ หรือ "ปู่ดาว" อายุ 94 ปี อดีตผู้ป่วยโรคเรื้อน
พร้อมได้เล่าว่า ช่วงจังหวะชีวิตขณะนั้น  "ปู่ดาว" ได้เบี้ยเลี้ยงจากทางหลวง วันละ 5 บาท และไม่เพียงพอในการประทังชีวิต เพราะจำนวนเงินที่ได้รับมา ต้องกิน ต้องใช้ จึงได้ปรึกษากับทางเพื่อนว่า จะถวายฎีกา เนื่องจากเห็นว่าได้ขอความช่วยเหลือไปทุกหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจ หวังพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้เขียนข้อความบรรยายความยากลำบากที่ต้องประสบพบเจอถึง 2 หน้ากระดาษ โดยใช้เวลาเขียนทั้งสิ้น 3 วัน จนมาถึงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2522 ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จมาที่สถาบันราชประชาสมาสัย จังหวัดสมุทรปราการ แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ให้เข้าใกล้พระองค์ท่าน ต่อมาเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ตนและเพื่อน ตอนนั้นก็ได้คิดว่าจะทำอย่างไรดี ที่จะได้ถวายฎีกากับพระองค์ จึงตัดสินใจยกมือพร้อมตะโกนออกไป 2 ครั้งว่า "ขอถวายฎีกาครับผม" ทันใดนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินกลับมาหาตน พร้อมตรัสถามอย่างเป็นกันเองว่า "มีอะไรเดือดร้อน" "ปู่ดาว" ยอมรับว่า วินาทีนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ไม่เคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านใกล้ชิดถึงเพียงนี้ พระองค์ท่านตรัสต่อว่า "ไม่ต้องกลัว พูดช้าๆ หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยพูด มีอะไรเดือดร้อน" ขณะนั้นเอง "ปู่ดาว" จึงรวบรวมสติ แล้วกราบทูลว่า เบี้ยเลี้ยงที่ตนได้รับนั้นไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต จนในที่สุด พระองค์ท่านได้ตรัสว่า จะเพิ่มให้อีก 5 บาท เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตนจึงพนมมือไหว้เหนือหัว พร้อมบอกว่า "แค่พระองค์ให้เพิ่มแค่เพียงหนึ่งบาทก็ดีใจแล้ว" โดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพระองค์ท่านทรงเอื้อมพระหัตถ์มาจับมือซ้ายที่พิการ โดยไม่มีท่าทีรังเกียจ นอกจากนี้ ทรงตรัสถามต่อว่า "มือเป็นเช่นนี้ กินข้าว กินปลาอย่างไร" ตนจึงได้ตอบไปตามประสาชาวบ้าน และพระองค์แย้มพระสรวลเล็กน้อย และเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินต่อ ทรงหันหลังกลับมา พร้อมตรัสว่า "มีอะไรเดือดร้อนก็บอกนะ ฉันจะช่วย ไม่ต้องกลัว" พอได้ยินเช่นนั้นตนก็ปลื้มใจเป็นอย่างมาก
รูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ในบ้าน "ปู่ดาว"
"ปู่ดาว" เปิดเผยว่า หลังจากที่ถวายฎีกาเสร็จสิ้นภายในวันดังกล่าว พอเช้าวันรุ่งเหมือนได้ชีวิตใหม่ ฟ้าที่เคยมืดมิดกลับสว่าง พอเวลาไปไหนมาไหน คนก็ไม่ดูถูกไม่รังเกียจตนเหมือนที่ผ่านมา ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น มีเจ้าหน้าที่มาดูแลอาการ และมาตรวจรักษาอาการให้จนหาย พร้อมบอกอีกว่า "พระองค์เป็นเหมือนเทพเจ้าองค์หนึ่ง ที่มาประทานชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อน เนื่องจาก ทุกวันนี้ที่พวกตนได้อยู่ดีกินดี ก็เพราะบุญคุณของพระองค์ท่าน" ทั้งนี้ "ปู่ดาว" บอกว่า เมื่อทราบว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ตนได้แต่ร้องไห้ เนื่องจาก พระองค์ท่านได้มีการสานโครงการต่างๆ ไว้มากมาย รวมถึงโครงการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อน ซึ่งตนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างหาที่เปรียบมิได้ ปีนี้ "ปู่ดาว" อายุ 94 ปีแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่า ตนจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไร แต่ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะทำความดี เพื่อเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทท่าน จนกว่าชีวิตจะหาไม่  

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ