คดีพลิก! ชายถูกตีเลือดอาบ อ้างปีนบ้านขอน้ำกิน เจอแฉเมาเบิ้ลรถ ไม้ฟาดแต่พลาดโดนเอง (คลิป)

จากกรณี วันที่ 3 พ.ค. 63 เวลา 23.53 น. ศูนย์กู้ชีพตำบลสาริกานครนายก ได้รับแจ้งจากกำนันกิตติภูมิ แสงสว่าง กำนันตำบลสาริกา ให้เข้าทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ บริเวณ ม.1 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย อายุ 38 ปี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณศีรษะและคาง เจ็บปวดขาซ้าย

โดยสาเหตุเกิดจากผู้บาดเจ็บ แอบปีนเข้าบ้านคนอื่น แต่เจ้าของบ้านจับได้ จึงทำร้ายร่างกาย ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะนำรถมาช่วยเหลือ นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนครนายก

วันที่ 5 พ.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่หมู่ 1 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก นายสพล สุวรรณศร อายุ 38 ปึ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดกัน วันเกิดเหตุ เวลาประมาณเกือบ 23.00 น. ตนเองไปดื่มสุรากับเพื่อน ที่ใกล้บ้านจุดเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ผ่านบ้านจุดเกิดเหตุ ตนรู้สึกคอแห้ง อยากกินน้ำ จึงแวะจะขอน้ำกิน ขณะนั้นตนเองเมาสุรา จึงอาจจะพูดเสียงดัง ทำให้ลูกชาย น้องชาย ของเจ้าของบ้านเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าตนเองไปโวยวายหาเรื่อง จึงไม่พอใจเข้ามารุมทำร้ายตนเอง จนได้รับบาดเจ็บ

โดยกลางศีรษะด้านหลังแตก เย็บ 5 เข็ม ใต้คางแตก เย็บ 3 เข็ม และสะโพกซ้ายบวมช้ำ จากการถูกไม้ตีและรุมกระทืบ ส่วนเรื่องเจ้าของบ้านหาว่าตนเองปีนกำแพงรั้วบุกรุกบ้าน ยืนยันว่าไม่ได้ปีน แต่เขาเข้าใจผิด ตนเองก็ขอโทษด้วย และจะไม่เอาเรื่อง หากพักจนอาการดีขึ้น ก็จะเดินทางไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านอีกครั้ง

ด้านนางประกอบ หงษ์ทอง อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านผู้เสียหาย เล่าว่า นายสพล เป็นเพื่อนบ้านใกล้กัน ช่วงเกิดเหตุขณะที่คนในบ้านกำลังจะเข้านอน นายสพลขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่รั้วหน้าบ้าน สภาพเมาสุราอย่างหนัก ก่อนจะเบิ้ลรถจักรยานยนต์เสียงดัง

จากนั้น ลูกชาย อายุ 17 ปี และน้องชายอายุ 35 ปีของตนเองจึงออกมาดู แล้วถามว่า "จะมาเบิ้ลรถทำไม เสียงดัง คนในบ้านกำลังจะนอน" แต่นายสพลบอกว่า "อ้าว แล้วจะทำไม เดี๋ยวก็สาดแม่งเลย" หมายความว่าข่มขู่จะไปหาปืนมายิง

นายสพลจะหยิบไม้ไผ่ที่อยู่บริเวณรั้วหน้าบ้าน แล้วปีนรั้วบ้านที่มีลวดหนามล้อมอยู่ ใช้ไม้ตีเข้าที่บริเวณแขนซ้ายของลูกชายตนอย่างแรง จนเขียวช้ำ ลูกชายตนจึงโมโห คว้าไม้ที่อยู่ในบ้านตีสวนไป ก่อนเข้าชกต่อยกันบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งน้องชาย ที่เห็นหลานถูกตี จึงเข้าไปช่วยรุมกระทืบด้วยอีกแรง

ตนเองจึงตะโกนห้าม บอกให้ลูกชายกับน้องชายหยุด ก่อนจะแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยเหลือ หลังจากเกิด เหตุตนเองก็รู้สึกตกใจอยากขอโทษ หากลูกชายและน้องชายทำร้ายร่างกายนายสพลแรงเกินไป แต่ทำเพื่อป้องกันตัว

ปกติแล้ว หากนายสพลไม่ดื่มสุรา ก็จะเป็นคนดี ไม่วุ่นวายกับใคร แต่หลังจากดื่มสุราหนัก กลายเป็นคนชอบโวยวาย หากไม่พอใจชาวบ้านก็จะด่าว่าคนอื่นไปทั่ว นอกจากนี้ ตนเองก็ไม่ได้แจ้งความเอาผิดที่บุกรุก เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านใกล้กัน และเห็นหน้ากันมานาน แต่หากเป็นไปได้ ตนเองก็อยากจะให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม เลิกทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน