ให้เซ็นชื่อใส่กระดาษเปล่า กู้เงิน 4 หมื่น กลายเป็นหนี้ 3.5 แสน

3 พ.ค. 63

จากกรณี นายบุญชู (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ชาวจ.เพชรบูรณ์ ร้องขอความเป็นธรรมจาก
ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์
ว่าถูกนายทุนที่ตนไปกู้ยืมเงินนอกระบบ 2 ครั้ง รวม 40,000บาท แต่ไม่ได้เขียนสัญญากู้ และเจ้าของเงินให้ลงชื่อในกระดาษเปล่า ซึ่งตนก็ไม่ติดใจอะไร เนื่องจากเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้ง เมื่อเอาเงินไปคืนก็เสีย ดอกเบี้ยครั้งละ 3,000–4,000บาท
แต่ครั้งล่าสุดคิดดอกเบี้ยมหาโหด ยอดเงินกู้จาก 40,000 กลายเป็น 350,000บาท ในระยะเวลา 2 ปี และหากไม่ชำระได้ขู่ว่าจะไปฟ้องศาล

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายบุญชู อีกครั้ง พบว่าเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง ฝาทำด้วยสังกะสี ลักษณะก่อสร้างมานานแล้ว แต่ยังทำไม่เสร็จและพบว่ามีอุปกรณ์และเครื่องทำการเกษตร เช่นรถอีแต๋น เครื่องพ่นยา เป็นต้น

ภรรยาของนายบุญชู กล่าวว่าตนและสามีมีอาชีพทำการเกษตรและรับจ้างทั่วไป ในปี2560 ได้ไปยืมเงินนายทุนในหมู่บ้าน เอามาทำการเกษตรจำนวน 40,000 บาท แต่ผลผลิตไม่ได้ผล จึงได้แต่ตัดดอกเบี้ย เป็นจำนวน 20,000 บาท

กระทั่งปี 2563 ได้สอบถามไปยังเจ้าหนี้ พบว่าหนี้กลายมาเป็น 120,700บาท ด้วยความกลัวว่าหนี้จะเพิ่มอีก จึงได้ต่อรองเจ้าหนี้เหลือ 105,000บาท จากนั้นได้ไปทำเรื่องกู้เงินจาก
ธ.ก.ส.จำนวน 100,000 บาท และสมทบกับของตนเอง5,000บาท และนำไปใช้หนี้

ตนคิดว่าน่าจะจบกันเพียงเท่านี้ แต่เจ้าหนี้กลับแจ้งอีกว่ายังมีเหลือ สัญญาเงินกู้อีก 350,000บาท ตนจึงตกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าหนี้ดังกล่าวมาได้อย่างไร ตนไม่มีปัญญาจะหาเงินไปใช้แล้ว แค่ 100,000 บาท ที่ไปกู้กับธนาคารก็นำไปใช้หนี้ทั้งหมด ไม่ได้เหลือไว้ใช้หรือทำทุนต่อเลยจึงมีความเครียดเป็นอย่างมาก

ขณะที่นายบุญชู กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนก็คิดว่าใช้หนี้แล้ว 105,000 บาท ก็จบกัน เพราะถือว่ามีเกินความคาดหมายแล้ว เพราะเป็นหนี้ 40,000 บาท ชำระดอกไปแล้ว 20,000 บาท และมาชำระเมื่อเร็ว ๆ นี้อีก 105,000บาท รวมเงินที่ชำระทั้งหมด 125,000 บาท

แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าหนี้ยังบอกว่ายังคงมีสัญญากู้อีก 350,000 บาท แถมขู่ว่าหากไม่ชำระจะฟ้องศาล ตนเป็นชาวไร่ชาวนาไม่มีความรู้ จึงเกิดความกลัว อยากวอนขอให้ศูนย์ดำรงธรรมช่วยไกล่เกลี่ยให้ด้วย

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ