จากกรณีนักโทษชาย จำนวน 5 คน แหกคุก หลบหนีจากเรือนจำสว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งพฤติการณ์ในการหลบหนีอาศัยช่วงกลางดึก ใช้โต๊ะวางซ้อนกันหลายชั้น เพื่อปีนข้ามกำแพง จากนั้นใช้ป้ายไวนิลปิดลวดหนามป้องกันกระแสไฟแรงสูง และกระโดดข้ามรั้วหนีไปได้
โดยขณะนี้ทางเรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สว่างแดนดิน พบว่าภูมิลำเนาของนักโทษเป็นคนในพื้นที่อ.คำตากล้า จ.สกลนคร 2 คน เป็นคนอ.บ้านม่วง จ.สกลนคร 2 คน และอ.สีชม จ.ขอนแก่น 1 คน ซึ่งสามารถจับกุม น.ช.ภานุพงษ์ โคตรชมภู อายุ 23 ปี ได้ในพื้นที่บ้านดงเย็น จ.สกลนคร และได้เบาะแสว่าคนร้ายอาจจะหลบซ่อนอยู่ในป่ารกร้าง หมู่บ้านดงป่าแดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งพบขวดน้ำดื่ม 4 ขวด และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยาสีฟัน ฐานยากันยุง ที่คาดว่าเป็นของนักโทษหลบหนี
วันที่ 3 พ.ค. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านดงป่าแดง ใกล้ป่ารกร้างใน ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ระดมค้นหาคนร้ายเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทีมข่าวได้พบกับ นายบอย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาวบ้านที่เห็นนักโทษเดินอยู่ในหมู่บ้านดงป่าแดง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะที่ตนนั่งอยู่ที่บ้านเพื่อน บริเวณริมถนนดินแดงท้ายหมู่บ้านดงป่าแดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร สังเกตเห็นชายอายุประมาณ 30 ปี ทรงผมสกินเฮดเหมือนคนเพิ่งออกจากคุก สวมเสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงยีนขาสั้นมีรอยดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวเปรอะดินแดงเหมือนเดินมาไกล ถือไม้ไผ่อันเล็ก เดินด้วยอาการอิดโรยห่างจากตนประมาณ 10 เมตร ลักษณะเหมือนหิวข้าวและกำลังหาที่พัก ซึ่งเขาได้หันมาสบตากับตนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รีบหันกลับไปเหมือนตกใจ คาดว่ากลัวตนจะจำหน้าได้ และรีบเดินหนีทันที ซึ่งตนก็ไม่ได้เดินติดตามไป แต่ก็ยังคิดสงสัยว่าเขาเป็นใคร เพราะเป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนของหมู่บ้าน ขณะเดียวกันก็มีข่าวนักโทษแหกเรือนจำ ตนจึงได้เปิดรูปดูพบว่าคนที่ตนเห็นนั้นเป็นคนเดียวกันกับ นช.พัฒพงษ์ เกษคำใส ตามประกาศจับ ตนจึงรีบนำข้อมูลไปบอกชาวบ้าน ทำให้ชี้เบาะแสให้ตำรวจลงตรวจสอบพื้นที่
นายบอย กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเห็นว่าผิดสังเกตนั้นเพราะถนนที่ นช.พัฒพงษ์ เดินผ่านนั้นเป็นทางเปลี่ยวไม่ใช่เส้นทางที่คนจะใช้สัญจร เพราะเป็นถนนที่ใช้วนรอบหมู่บ้านและเป็นเส้นทางไปทุ่งนาเท่านั้นและมีแต่ป่ารกร้าง อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกตกใจมากที่ได้เจอกับนักโทษแหกเรือนจำ ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านเองก็ต่างขวัญเสียไปทั้งหมู่บ้าน กลัวจะได้รับอันตราย
ล่าสุดในเวลา 13.30 น. น.ช.พัฒพงษ์ เกษคำใส ได้เดินเท้าไปหาญาติภายในหมู่บ้านดงอีบ่าง และติดต่อผู้ใหญ่บ้าน ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คำตากล้า จ.สกลนคร เพื่อเข้ามอบตัว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสมควร สีสัน อายุ 45 ปี น้าสาวของ นช.พัฒพงษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ขณะที่ตนกำลังเลี้ยงหมูอยู่ที่เล้ากลางสวนยาง น.ช.พัฒพงษ์ ได้เดินมาหาตนด้วยสภาพเหนื่อยอิดโรย นาทีที่เห็นนั้น ตนถึงกับร้องไห้และเข้าไปโอบกอดหลานชาย เจ้าตัวก็บอกกับตนว่าให้ช่วยพาไปมอบตัว ซึ่งนาทีนั้นตนดีใจมาก ๆ และสั่งสอนว่าต่อไปให้อดทน กลับไปรับโทษไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่ในคุกทำตัวให้ดี เพราะไม่ใช่นักโทษฆ่าคน หลังจากนั้นตนก็แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ประสานตำรวจเข้ามอบตัว ระหว่างที่รอตำรวจตนก็นำข้าวให้หลานชายกิน และให้อาบน้ำ หลังจากนั้นตำรวจก็ตามมาคุมตัวหลานชายไป สภ.คำตากล้า
นางสมควร พูดทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกโล่งอก และดีใจที่หลานชายเข้ามอบตัว เพราะตนรักและเป็นห่วงเขามากๆ แม้ว่าตอนนี้หลานจะถูกจับและขาดอิสระภาพ ตนก็รู้สึกดีใจ เพราะเขาติดคุกไปก็ไม่ได้ติดตลอดชีวิต ตนยังไปเยี่ยมได้ แต่ถ้าเขาหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต กลับมามอบตัวยังปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดคุยกับหลานชายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะตำรวจได้ควบคุมตัวหลานไปก่อน ทำให้ไม่ได้สอบถามว่าพรรคพวกที่หนีมาด้วยกันหายไปไหน
สำหรับไทม์ไลน์ของ น.ช.ภานุพงษ์ โคตรชมภู ในวันที่ 1 พ.ค.63 เวลา 02.00 น. ถูกจับได้วันที่ 2 พ.ค.63 เวลา 17.00 น. รวมเวลาหลบหนีออกจากเรือนจำ 1 วัน 5 ชม.
ส่วนน.ช.พัฒพงษ์ เกษคำใส ในวันที่ 1 พ.ค.63 เวลา 02.00 น. มอบตัวในวันที่ 3 พ.ค.63 เวลา 13.30 น. รวมเวลาหลบหนี 2 วัน 11 ชม. 30 นาที แล้วมีเส้นทางหลบหนี 60 กม. ไม่ได้ข้ามไปที่ประเทสเพื่อนบ้าน
สำหรับการข้ามกำแพงเรือนจำ ต้องผ่านรั้วลวดหนามปล่อยกระแสไฟฟ้า สูง 10 เมตร แยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม น.ช.สุริยันต์, น.ช.พัฒพงษ์, น.ช.ภานุพงษ์ เดินเท้าไปบ้านญาติของ น.ช.สุริยันต์ ห่างจากเรือนจำ 2 กม. ไปเอารถจักยานยนต์ขี่ไปบ้านของ น.ช.สุริยันต์ และไปเจอกับน้องชายของ น.ช.สุริยันต์ หลังจากนั้นให้น้องชายขับรถกระบะพาไปรับ น.ส.อุ้ม และร่วมกันหลบหนีไปส่งที่ อ.คำตากล้า ซึ่งก่อนที่ น.ช.ภานุพงษ์ จะแยกตัวไป ส่วน น.ช.สุริยันต์, น.ช.พัฒพงษ์ และอุ้ม ได้หลบหนีกบดานอยู่ที่คอกหมู และหลบเข้าไปในป่า สุดท้าย น.ช.ภานุพงษ์ ถูกจับ ส่วน น.ช.พัฒพงษ์ ตัดสินใจมอบตัว
ส่วน น.ช.อนนท์ และ น.ช.วัฒนชัย ได้หลบหนีไปด้วยกันโดยที่ยังทราบชะตากรรม แต่ตำรวจคาดว่าทั้งคู่หลบหนีอยู่ใน อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร เพราะเป็นบ้านเกิดของทั้งคู่
ทั้งนี้ น.ช.อนนท์ เป็นหัวโจกวางแผนในการแหกเรือนจำในครั้งนี้ ส่วนวิธีการวางแผนที่เขียนแผนการใส่กระดาษ อ่านเสร็จแล้วฉีกกินเพื่อทำลายหลักฐาน คาดว่าอาจจะเลียนแบบพฤติกรรมจากภาพยนตร์ อีกทั้งเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด เนื่องจากได้เรียนหนังสือและบวชเรียน
ทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านโคกสง่า หมู่ที่ 1 ต.ดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านของ น.ช.วัฒนชัย พันภักดี
นางน้อย ชมสีดา อายุ 59 ปี ป้าของ น.ช.วัฒนชัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่หลานแหกคุก ก็ไม่เคยติดต่อมาเลย ซึ่งตนก็รู้สึกตกใจกับการกระทำของหลาน เพราะเป็นคนที่ได้รับโทษน้อย แต่คาดว่าอาจจะแหกคุกตามเพื่อน เพราะเป็นคนหัวอ่อนเชื่อคนง่าย อีกทั้งยังมีสติไม่สมประกอบ ชอบพูดและร้องไห้คนเดียว เนื่องจากเสพยาเสพติดและเกิดอาการหลอน หลังจากที่เมียทิ้งไป อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเพื่อนนักโทษด้วยกันเริ่มมอบตัวกันแล้ว ตนก็อยากให้หลายมามอบตัวโดยเร็ว เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย และคิดว่าหลานคงไม่ใช่หัวโจกในการหลบหนี
