จากกรณีโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวสุดสะเทือนใจจากผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง เมื่อเธอได้วาดภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความตัดพ้อรัฐบาล หลังเธอไร้เงินซื้อนมให้ลูกกิน โดยข้อความโพสต์ในวันที่ 22 เม.ย.63 ก่อนเธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ ในช่วงเวลา 01.30 น. ของวันที่ 28 เม.ย.63 ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลัง น.ส.ปลายฝน อ่ำสาริกา อายุ 20 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ป่วยเป็นไข้อาการกำเริบจากโรคประจำตัว ภาวะพร่องเอนไซน์ หรือ G6PD
โดยข้อความ ระบุว่า "เป็นภาพวาดที่วาดแล้วรู้สึกไม่อยากวาดต่อ เป็นภาพที่รู้สึกว่า วาดบนกระดาษแผ่นไหนก็ได้อ่ะ ตั้งแต่เรียนมา ไม่เคยมองรูปวาดไหนต่ำเท่ารูปนี้เลย วาดด้วยอารมณ์ที่ ไม่มีเงิน ตังค์ซื้อนมให้ลูก 9 เดือนไม่พอ ค่านู่นค่านี่แพงไปหมด วาดด้วยอารมณ์ที่ ทำงาน 12 ชม.ต่อวัน แล้วไม่เหลืออะไรเลย วาดด้วยน้ำตาว่าตั้งแต่เรียนประวัติศาสตร์มา ยุคนี้คือยุคที่รู้สึกว่ารัฐบาลใจร้าย ทำไมใจดำเหลือเกิน ทำไมไม่สงสารคนที่เขาไม่มีบ้าง ท้อสุดใจเลย คนจนยิ่งจน คนดีต้องตาย เพราะเหล่าร้าย พวกเหล่าร้าย เขียนกฎหมาย ให้คนร้ายเป็นคนดี หลายสิ่งที่เป็น แต่ที่เห็นเป็นภาพลวง เป็นภาพหลอน เฉกเช่นหนอนกลายเป็นเกลือ"
ล่าสุดวันที่ 29 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่วัดแสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทา บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ญาติของน.ส.ปลายฝน อ่ำสาริกา ได้นำร่างอันไร้วิญญาณมาประกอบพิธีตามศาสนา โดยมีนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา มาเป็นประธานในพิธี
ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายพร อ่ำสาริกา ตาของปลายฝน เปิดใจว่า ชีวิตของหลานสาวตั่งแต่เล็ก ตนเป็นคนเลี้ยงมาโดยตลอด เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ไม่เคยเห็นว่ามีอาการเครียดกับเรื่องอะไร นอกจากนี้ยังเป็นคนเรียนเก่ง แต่ตัดสินใจชีวิตผิด มีสามอายุน้อย หลังจากมีสามีก็ออกจากโรงเรียน ช่วยกันรับจ้างทำงานก่อสร้าง ตระเวนไปตามต่างจังหวัดจนมีลูกชาย 1 คน ขณะนี้อายุ 9 เดือน ซึ่งตนก็รับเลี้ยงไว้เอง เพราะหลานสาวต้องตระเวนทำงานในหลายพื้นที่
กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว หลานสาวทะเลากับสามีเก่า เพราะสามีเก่าเป็นคนไม่ชอบทำงาน เมื่อเลิกกับสามีเก่าก็ตามราวีไม่เลิก จนหลานสาวกลับมาอยู่ อ.แปดริ้ว ขายนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นหลานก็ได้เจอสามีคนปัจจุบัน และพากันไปอยู่ย่านเพชรเกษม สามีใหม่ ซึ่งทั้งคู่มีอาชีพเป็น รปภ. เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้หลานกับตนสนิทกันมาก จะโทรศัพท์คุยกันทุกวัน ถามสาระทุกข์สุขดิบ ซึ่งในคืนวันที่ 27 เม.ย.63 ก็ยังโทรศัทพ์คุยกันอยู่ ตนยังถามว่ากินข้าวหรือยัง หลานสาวก็บ่นว่าห้างร้านปิดหมดหาอะไรกินไม่ได้เลย ซึ่งปกติเวลาวิดีโอคอล หลานจะโผล่หน้ามาให้เห็น แต่วันนั้นโผล่มาแค่ครึ่งหน้า และไม่ค่อยมองหน้าตน ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย
ส่วนเนื้อหาที่คุยคือหลานตัดพ้อว่าคิดถึงลูก อยากกลับมาอยู่บ้าน เพราะอยู่ที่โน้นได้เงินเดือนน้อย ไม่พอใช่จ่าย แต่หากมาอยู่บ้านเศรษฐกิจก็ไม่ดี โรงงานก็ไม่รับคนเพิ่ม นอกจากนี้ยังตัดพ้อเห็นเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันได้ดีกันหมด เสียดายเวลาและอนาคตที่ตัดสินใจแบบนี้
คุณตาพร ยังกล่าวอีกว่า หลานสาวเป็นคนเก่ง วาดรูปสวย สมัยที่เรียนอาชีวะหลานเคยวาดรูปขายใบละ 500-600 บาท แล้วแต่ใครจะซื้อ ถือเป็นพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่ง ส่วนเรื่องที่เขาวาดรูปนายกฯ แล้วตัดพ้อ ตนไม่รู้ แต่เพิ่งจะมารู้เรื่อง เพราะตอนที่หลานอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้มีการฝักใฝ่การเมืองอะไร แต่เมื่อช่วงปีใหม่ที่นายกฯ มีโครงการแจกเงินเป็นของขวัญปีใหม่ หลานก็บอกว่าไม่ต้องไปรับ ตนก็ถามว่าทำไม จะได้เอาเงินไปซื้อนมให้ลูก หลานก็บอกว่าไม่ต้องรับเงิน ถ้ารับเดี๋ยวนายกฯ ก็จะได้เป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง
ทั้งนี้รู้สึกเสียใจมาก เพราะนัดกันว่าหลานสาวจะกลับมาที่บ้านในวันที่ 30 เม.ย.63 แต่เขากลับคิดสั้นฆ่าตัวตายเสียก่อน ถ้าฝากถามได้ก็คงจะถามว่า ทำไม่ถึงทำแบบนี้ ทำไมคิดสั้นแบบนี้
นอกจากนี้คุณตาพร ยังเล่าว่า เมื่อ 2 วันก่อนจะฆ่าตัวตาย หลานสาวได้ส่งตุ๊กตามิกกี้เมาส์มาให้ลูกชาย พร้อมกระดาษที่เขียนข้อความว่า "น้องต้นกล้า หมาน้อยของแม่ พร้อมกับวาดรูปหัวใจ" ซึ่งคุณตาพรบอกว่าจะนำกระดาษนี้ไปใส่กรอบ เอาไว้ให้หลานได้เห็นว่าแม่เขารักมากแค่ไหน
ทีมข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับนนายวิชัย เหมหิม อายุ 29 ปี แฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้แฟนสาวก็ไม่ได้มาปรึกษาปัญหาอะไรกับตน โดยมาอยู่กับตนได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์ตนได้ออกไปทำงาน โดยเหตุการณ์เกิดประมาณเที่ยงคืน ของวันที่ 27 เม.ย.63 ซึ่งตนสังเกตว่าแฟนสาว ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความที่เศร้า ตนจึงกลับมาหาที่หอพักชั้น 4 พบว่าเสียชีวิตได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยการผูกคอตาย ซึ่งเชือกนั้นเป็นเชือกทั่วไป ไม่รู้ว่าแฟนสาวไปหามาจากที่ไหน
"ภรรยาวาดภาพนายกฯ และรำพึงรำพันถึงความเดือดร้อน ก่อนที่จะผูกคอตาย เชื่อว่าคงเป็นเพราะความเครียด หยุดงานบ่อย จนต้องโพสต์เฟซบุ๊กรับจ้างวาดภาพขาย" นายวิชัย กล่าว
ด้านนายณัทพล กรัสประพันธุ์ น้าของผู้เสียชีวิต เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติน.ส.ปลายฝน เป็นคนร่าเริง แจ่มใส และรักลูกมาก ๆ เวลามีเวลาก็จะมาหาลูก แต่ช่วงหลังที่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เป็น รปภ. กับสามีใหม่ นาน ๆ จะกลับมาครั้งหนึ่ง แต่เขาจะวิดีโอคอลผ่านไลน์มาหาตาและลูกทุกวัน
ส่วนเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องเงินเรื่องทอง ตนไม่รู้มากนัก แต่เคยเห็นน.ส.ปลายฝน ระบายในเฟซบุ๊กว่าเงินไม่พอใช้ อาจจะเป็นเพราะว่าเงินเดือนอาจจะไม่มากนัก ประกอบกับน.ส.ปลายฝน เพิ่งจะเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ยังต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งกลับมาให้ลูกด้วย จึงอาจจะไม่พออยู่พอใช้ และอาจจะประกอบกับทะเลาะกับแฟนหนุ่มในวันเกิดเหตุด้วย เพราะในวันเกิดเหตุ น.ส.ปลายฝน ขอให้แฟนหนุ่มมารับไปที่ทำงานด้วย และขู่จะฆ่าตัวตาย แต่แฟนหนุ่มมาไม่ได้ เพราะติดช่วงเคอร์ฟิว กระทั่งแฟนหนุ่มเลิกงาน จึงได้กลับมาเจอพบน.ส.ปลายฝน ผูกคอเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ภาพที่น่าสะเทือนใจที่สุด คือ น.ส.ปลายฝน ได้ส่งตุ๊กตาตัวหนึ่งมาให้ลูก พร้อมข้อความบอกรัก ซึ่งถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย และที่ทำให้ตนรู้สึกสะเทือนใจมากว่านั้นคือ คุณตาได้แกะตุ๊กตาออกจากกล่องเพื่อให้เหลนได้เล่นตุ๊กตา ก่อนจะโยนกล่องทิ้งไป แต่หลังจากเกิดเหตุคุณตากลับไปคนหากล่องตุ๊กตาที่ทิ้งไปแล้ว เพื่อนำกลับมาเก็บไว้เป็นของให้เหลนเอาไว้ดูต่างหน้าเมื่อคิดถึงแม่
