เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 63 น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี พร้อมนายธนิต หรือต้น ชาญเดชสิทธิกุล อายุ 34 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พนักงานเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และ น.ส.สุวลักษณ์ ทรงรัมย์ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมาพบ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อขอถอนแจ้งความ หลังจาก น.ส.สุนันท์ แจ้งความเอาผิดนายธนิต ฐานลักทรัพย์ระหว่างที่วานให้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าโรงพยาบาล แล้วเงินได้หายจากบัญชีไป 5,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาวันที่ 25 เม.ย.ความจริงได้ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นความผิดพลาดทางระบบของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ตัดยอดบัญชีระหว่างกดเงิน แต่เงินไม่ออกมา
ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี ชี้แจงว่า ตอนนี้ได้ทำบันทึกรับคำร้องขอถอนแจ้งความพร้อมให้ทั้งสองฝ่ายเซนรับความยินยอม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนต้องรอให้ธนาคารออกหนังสือแจ้งมาให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะถือว่าสิ้นสุดคดีนี้
- เวรเปลปัดฉกเงินคนไข้ 5000 ลั่นพร้อมพิสูจน์ รอภาพจากกล้องวงจรปิดชี้ชะตา (คลิป)
- ไทยพาณิชย์คืนเงินป้า 5,000 หนุ่มเวรเปลคือผู้บริสุทธิ์
- ยายไหว้ขอขมาหนุ่มเวรเปล รู้ความจริงไม่ได้ฉก 5 พันแต่ระบบแบงก์รวน (คลิป)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปที่ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ เพื่อกราบขอสิ่งศักดิ์คุ้มครองไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในชีวิต และขอให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ได้รับความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
น.ส.สุนันท์ กล่าวว่า อยากให้ธนาคารเร่งออกหนังสือแจ้งถึงพนักงานสอบสวนโดยเร็ว เพื่อให้คดีสิ้นสุด เพราะเห็นใจผู้ถูกกล่าวหา และอยากให้ทางธนาคารทำหนังสือชี้แจงให้ความกระจ่างเพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้กับนายธนิตและแฟนสาว เพราะที่ผ่านมาได้รับความบอบช้ำถูกสังคมตำหนิอย่างหนัก
ด้านนายธนิต กล่าวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและทำให้เรื่องนี้กระจ่างและขอบคุณชาวบุรีรัมย์ที่ทราบว่าตนเองพ้นมลทินไม่ได้เป็นคนผิดตามข้อกล่าวหา
รวมถึงร้านพิซซ่าใน จ.บุรีรัมย์ ที่นำพิซซ่ามามอบให้เป็นกำลังใจถึงโรงพยาบาล ทำให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป
ส่วนหนึ่งก็อยากให้ธนาคารฯออกมารับผิดชอบด้วยการชี้แจงและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตั้งแต่ความจริงกระจ่างธนาคารได้ติดต่อมาครั้งเดียวว่า "โอนเงินคืนแล้วนะ" จากนั้นก็เงียบหายไป
