จากกรณี น.ส.แหม่ม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/431 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต แม่เลี้ยงเดี่ยวลูกชายวัย 4 เดือน ตกงานช่วงโควิด-19 ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน และตัวเองก็ไม่มีน้ำนมเช่นกัน จึงต้องต้มน้ำละลายน้ำตาลให้ลูกกินแทนนม และโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น
น.ส.แหม่ม เปิดใจว่า ตนเองไม่มีน้ำนมให้ลูกกิน เงินก็ไม่มีซื้อนมผงด้วย โทรไปขอเงินจากสามีที่เลิกกันไป 4 เดือน เขาก็ไม่ให้ ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้มน้ำละลายน้ำตาลให้ลูกกิน โดยวันนี้มีคนใจบุญนำนมผงมาให้ คาดว่าพอจะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน และอยากจะขอขอบคุณทุก ๆ คน ที่นำถุงยังชีพและนมผงมาให้ตนกับลูกประทังชีวิต ซึ่งตอนนี้ตนก็มาขออาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว
นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.เขต 1 ภูเก็ต กล่าวว่า ตนและทีมงานทราบเรื่องก็รู้สึกเป็นห่วง จึงเดินทางมาด้วยตนเอง เพื่อมาเยี่ยม ส่วนการเข้ามาดูแล ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานผู้ใจบุญให้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้ และได้นำนมผง กับเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้ คงจะช่วยให้ดำรงชีวิตได้ไปอีกระยะหนึ่ง ขอให้ทุกคนอดทน เราต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ให้ข้อมูลว่า การชงน้ำตาลทรายละลายน้ำเพื่อให้ลูกดื่มในลักษณะดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะเด็กทารก 6 เดือนแรก ที่ต้องการสารอาหารจากน้ำนมแม่ เนื่องจากน้ำนมแม่มีทั้งโปรตีน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันการแบคทีเรีย รวมถึงการติดเชื้อต่าง ๆ
ทั้งนี้หากเด็กทารกได้รับปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป 400-800 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก น้ำตาลจะให้พลังงานชั่วคราว ลดความหิวของทารกได้ แต่เมื่อได้รับในปริมาณที่มากและสะสมเรื่อย ๆ น้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานในเด็ก หรือติดเชื้อในกระแสเลือด ภูมิต้านทานโรคต่ำ ระบบหายใจและอวัยวะภายในล้มเหลว เนื่องจากตับอ่อนที่เป็นอวัยวะที่คอยผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จะทำงานหนักและเสื่อมสภาพ เด็กก็จะป่วยเป็นโรคเบาหวานในที่สุด แม้ว่าคนในครอบครัวจะไม่มีใครป่วยเป็นโรคเบาหวานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากแม่เด็กไม่สามารถหาซื้อนมผงได้ สามารถติดต่อขอรับบริจาคที่แผนก นมบริจาคจากมารดา ของโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้
