จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "อะ นุ" โพสต์ภาพเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง พร้อมระบุว่า เป็นเด็กยังขนาดนี้โตไปจะเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเด็ก เรื่องมีอยู่ว่าเราไปถ่ายรูปกับน้องที่วัดนึงย่านฝั่งธน พอดีจะเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากห้องน้ำชาย (ช่วยด้วย) เราก็คิดว่าเด็กมัน พร้อมกันมีเสียงตบเป็นระยะ พอดีเห็นรถขับกำลังจะออกจากวัดเห็นในรถเป็นพระ เลยนิมนต์หลวงพ่อมาช่วยดู หลวงพ่อเลยเเนะให้ แจ้งตำรวจเราก็เลยโทรเเจ้งไป
พอตำรวจมาเด็กนี่ก็ยังไม่หายซ่าปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม พอตำรวจสอบถามน้องผู้หญิงบอกว่าไอ้เด็กเสื้อเขียวผมทองมันบังคับให้อม แล้วพยายามจะข่มขืนน้องพอน้องไม่ยอม ตบน้องต่อยน้อง พอไปส่งน้องถึงบ้านคือแบบ น้องมาเล่นไกลมาก คือพ่อแม่น้องไม่ควรปล่อยมาไกลขนาดนี้
ล่าสุด วันที่ 24 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังห้องน้ำวัดที่เกิดเหตุ สอบถาม น.ส.สุนิตา ดวงอาจ อายุ 16 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ตนกับพี่สาวได้ไปถ่ายรูปในวัดพอเดินไปที่ห้องน้ำได้ยินเสียงของเด็กผู้ชายคุยกัน 2 คน แต่พอฟังไปฟังมา ตนได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงด้วย โดยเด็กผู้ชายได้บังคับให้เด็กผู้หญิง "อม" และได้ยินเสียงตบหน้าแรงมาก โดยเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำอายุ 9 ปี ส่วนเด็กผู้ชายอายุ 14 ปี
หลังจากนั้นเด็กผู้หญิงก็ร้องขอความช่วยเหลือ จึงตัดสินใจเคาะประตูห้องน้ำใช้สักครู่ ก่อนที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงจะยอมเปิดประตู เดินออกมาพร้อมกัน ซึ่งเด็กผู้หญิงออกมาจากห้องน้ำมีอาการตัวสั่น ร้องไห้และเดินหนีไป ตนจึงขอความช่วยเหลือจากพระในวัดเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยและแนะนำให้ไปแจ้งความ
ตนได้ถามเด็กผู้ชายว่าทำไมถึงทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิง โดยมีการอ้างว่าน้องผู้หญิงติดเงิน และพูดจากวนตีน ซึ่งในขณะนั้นฝ่ายเด็กผู้ชายก็พูดจาข่มขู่เด็กผู้หญิงห้ามพูดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุได้พาเด็กผู้หญิงไปส่งที่บ้าน และได้เล่ารายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับทางครอบครัวของน้องฟัง และครอบครัวของเด็กผู้หญิงจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจเมื่อวานนี้ เวลา 21.00 น. ที่สน.บางขุนเทียน
ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังพี่สาวของเด็กผู้หญิงคนดังกล่าว โดยน.ส.จัน บอกว่า หลังเกิดเหตุน้องสาวก็ไม่กล้าเล่าอะไรให้ฟัง โดยเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุน้องสาวได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนและเกิดพลัดหลงกัน กระทั่งมีผลเมืองดีไปเห็นเหตุการณ์และเรียกให้พระอาจารย์ไปเคาะประตูห้องน้ำไว้ได้ทัน โดยเด็กผู้ชายอ้างว่าน้องสาวเคยยืมเงินไป แต่ไม่คืนให้จึงต้องสั่งสอน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการให้เด็กผู้หญิงเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจได้ไปที่บ้านของเด็กผู้ชาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบตัว
