อดีตนักมวยไทยชื่อดัง "ศรนารายณ์" ชีวิตพลิกผันเพราะโควิด รายได้ไม่พอจุนเจือครอบครัว อีกทั้งภรรยาตกงาน ต้องยอมอดเพื่อให้ลูก 4 คนอิ่ม ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ทยอยให้การช่วยเหลือไม่ขาดสาย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปพบกับครอบครัว นายธวัช ชูแก้ว อายุ 36 ปี อดีตนักมวยชื่อดังเวทีมาตรฐานกรุงเทพมหานคร ฉายา "ศรนารายณ์" ที่ บ้านเลขที่ 314 หมู่ 3 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง หลังจากทราบข่าวว่าตอนนี้มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก โดยนายธวัชอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับ นางสาววราภรณ์ ชูแก้ว อายุ 35 ปี ภรรยา เเละลูกชาย 1 คน และลูกสาวอีก 3 คน รวมทั้งครอบครัว 6 คน
นายธวัช กล่าวว่า ในอดีตตนเองมีอาชีพเป็นนักมวย ใช้ชื่อ "ศรนารายณ์ ตะวัน" ชกเวทีมาตรฐานใน กทม.มาเเล้วนับครั้งไม่ถ้วน ได้ค่าตัวครั้งละ 60,000 บาท เเต่ภายหลังสภาพร่างกายถดถอย ก็เลิกชกไปประมาณ 10 ปีเเล้ว เงินที่เก็บสะสมไว้เมื่อตอนชกมวยก็ไม่เหลือเเล้ว เพราะต้องดูเเลครอบครัว เเละลูกอีก 4 คน
ซึ่งปัจจุบันตนเองมีอาชีพเป็นลูกจ้างเก็บขยะของเทศบาลตำบลลานข่อย อ.ป่าพะยอม มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท แต่ได้กู้เงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 200,000 บาท เพื่อนำมารักษาพ่อของภรรยา ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เเต่ตอนนี้เสียชีวิตเเล้ว เเละเงินส่วนหนึ่งก็นำมาเลี้ยงลูก
ซึ่งทางธนาคารจะหักเงินในแต่ละเดือน เดือนละ 5,000 บาท ทำให้เหลือเงินจากงานประจำ 5,000 บาท ตนเองจึงต้องไปหางานเสริมทำหลังเลิกงาน คือไปเป็นเทรนเนอร์ประจำค่ายมวยเเห่งหนึ่ง ได้ค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท เเต่หลังจากเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ค่ายมวยต้องปิด ตนเองจึงเหลือรายได้เพียงอย่างเดียวคือเก็บขยะเท่านั้น
ส่วนภรรยา เมื่อก่อนได้รับจ้างทำงานในสถานที่ล่องแก่ง ของตำบลลานข่อย วันละ 250–300 บาท เเต่หลังจากเกิดโรคระบาด ทำให้สถานที่ล่องแก่งในพื้นที่อำเภอป่าพะยอมได้ปิดตัวลง ภรรยาจึงไม่ได้ทำงาน ครอบครัวจึงลำบากมาก บางครั้งตนเองต้องยอมอด เพื่อให้ลูกได้กินอิ่ม
ทางด้านนางวราภรณ์ ชูแก้ว อายุ 35 ปี ภรรยา กล่าวว่า ตอนนี้ชีวิตครอบครัวลำบากมาก ตนเองก็เครียดบางวันไม่มีเงินชื้อข้าวสารหุงข้าวให้ลูกกินเพราะไม่มีเงินจะไปชื้อ ต้องไปขอข้าวสารจากญาติใกล้บ้านมาจุนเจือพอประทังไปวันๆ แต่ก็มีพี่สาวได้แบ่งเงินมาให้ใช้จ่ายวันละ 100-200 บาท ซึ่งตอนนี้หลังจากที่มีหน่วยงานต่างๆยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ตนเองก็สบายใจขึ้น
ทางด้าน นางอนงค์ จันทร์ทองอ่อน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 เปิดเผยว่า ครอบครัวนายธวัช ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากรายได้ลดลง เเต่มีลูกต้องดูเเลถึง 4 คน ซึ่งตนเองในฐานะผู้นำชุมชน ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้เบื้องต้นก็ได้ช่วยเหลือในเรื่องสิ่งของยังชีพ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรต่อไป ซึ่งในชุมชนก็มีคนได้รับผลกระทบเเทบทุกครัวเรือน เเละหลายครอบครัวก็ลำบากกว่าครอบครัวนายธวัชด้วยซ้ำ ตนเองก็จะช่วยเหลือทุกครอบครัว
ล่าสุดมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.พัทลุง ศูนย์ควบคุมเเละบริหารหนี้ธนาคารออมสิน เขตพัทลุง เเละเทศบาลตำบลลานข่อย
โดยเทศบาลตำบลลานข่อย ในฐานะต้นสังกัดจ้างงานของนายธวัชชัย ระบุว่าเทศบาลจะช่วยเหลือในส่วนภัยพิบัติโควิด ครั้งละ 3,000 บาท 3 ครั้ง เเต่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าครอบครัวนายธวัช จะเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ เบื้องต้นมีการช่วยเหลือถุงยังชีพ เเละจะบรรจุให้เป็นพนักงานประจำตามภารกิจ โดยเงินเดือนจะเพิ่ม 2,600 บาท จากเดิมที่ได้รับ 10,000 บาท จะเพิ่มเป็น 12,600 บาท
