แพทย์เตือน "กลุ่มเงียบ" มีเชื้อโควิด-19 แต่ไร้อาการ หวั่นแพร่ระบาดติดคนอื่น

17 เม.ย. 63

วันที่ 16 เม.ย.63 ที่ผ่านมา พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Ittaporn Kanacharoen แสดงความเป็นห่วงประชาชนในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยระบุว่า "COVID-19 กลุ่มต่าง ๆ กับการเปิดเมืองและสมดุล"

จากข่าวที่ประเทศจีนพบกลุ่มผู้รับเชื้อไร้อาการ 6,700 คน จึงอยากขอจำแนก COVID-19 ที่พบในวันนี้ออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อความเข้าใจ ได้แก่

1. ไม่มีเชื้อ COVID-19 อาจรับเชื้อได้ทุกเมื่อ
2. รับเชื้อไร้อาการ กลุ่มเงียบ-แพร่เชื้อให้กลุ่มแรก
3. รับเชื้อมีอาการน้อย ไม่พบแพทย์-แพร่เชื้อให้กลุ่มแรก
4. รับเชื้อมีอาการมาก พบแพทย์ ตรวจ-ถูกกักตรวจในแล็บ ส่วนหนึ่งเจอเชื้อ บางส่วนต้องตรวจซ้ำ ๆ จึงเจอเชื้อ กลุ่มที่ถูกกัก 14 วันจะไม่แพร่เชื้อ กลุ่มที่ตรวจไม่เจอครั้งแรก แต่ปล่อยกลับบ้านจะมีโอกาสแพร่เชื้อ
5. อาการหนัก อยู่ใน รพ.-ได้รับการดูแลและควบคุม-โอกาสแพร่เชื้อน้อย

2_1

โดยจะเห็นว่าปัญหาคือกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 ถ้ายังไม่สามารถตรวจและนำตัวมาแยกได้ จะแพร่ให้กับกลุ่มที่ 1 เช่น คนในชุมชนได้ตลอดเวลา โดยไม่สามารถมีรายงานตัวเลขรายวัน แต่มีอยู่จริง รอวันผู้ได้รับเชื้อมากขึ้นเป็นกลุ่มที่ 4 และกลุ่มที่ 5 ถึงจะเห็นตัวเลขเหนือภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งผู้สูงอายุและคนมีโรคประจำตัว จะอาการหนักกว่าคนสุขภาพแข็งแรง อยู่ในกลุ่มนี้และจะเสียชีวิตได้มากกว่า

ฉะนั้นการเตรียมเปิดเมืองจะทำได้ต่อเมื่อ มั่นใจว่าหมดกลุ่มที่ 2 แล้ว หรือมีน้อยจนไม่สามารถแพร่ให้เกิดการระบาดซ้ำได้ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เปิดเมืองได้คือ ความเข้มแข็งของประชาชน ในการป้องกันมิให้โรคลุกลาม ด้วยวินัยและศรัทธากับความพร้อมของตัวพวกเขาในการที่จะปรับพฤติกรรมไม่ทำให้เกิดระบาดใหม่ ไม่ใช่ความพร้อมของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว อาศัยความพร้อมประชาชนเป็นหลัก และมิใช่ความสามารถของแพทย์และพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย นั่นเป็นปลายเหตุแล้ว

ทั้งนี้ความท้าทาย คือ รัฐจะต้องดูแลทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ให้มีชีวิตอยู่รอดได้ด้วยความเหมาะสมพอเพียง หากเปิดเมืองยิ่งช้าเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น ปัจจัย 4 ต้องถึงมือ มีที่อยู่มีอาหารทาน มีรายได้ ที่เหมาะสม

เมื่อเปิดเมืองแล้วหลายอย่างจะเปลี่ยนไป พฤติกรรมคนจะเข้าสู่โลกใหม่ มาตรฐานใหม่ หรือ New Normal ที่ติดต่อกันน้อยลง ประชาชนระดับล่างในหลายอาชีพอาจจะหายไป หรือลดจำนวนลง อาชีพใหม่จะเกิดขึ้น การพยากรณ์เหล่านี้ควรต้องสื่อสารให้กับประชาชนทราบ เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

สุดท้ายต้องบอกว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคของหมอ แต่เป็นโรคของพฤติกรรมการติดต่อของประชาชน การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ภาคประชาสังคมต้องเดินคู่ไปกับการแพทย์ ถ้าใช้การแพทย์นำอย่างเดียว สังคมอาจอยู่ลำบาก เราอาจต้องการความปลอดภัย ป่วยน้อยตายน้อย แต่ประชาชนต้องอยู่ได้ และชนะไปด้วยกัน ไม่ใช่โรคหาย แต่ประชาชนลำบากอยู่ไม่รอด ความสมดุลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ