ตำรวจเปิดใจโดนปืนถุยน้ำลายใส่ไม่โกรธ ชี้ฝึกสมาธิรู้จักเมตตา แนะคนไทยหัดคุมสติ (คลิป)

20 ก.ย. 60
จากกรณีที่แม่ลูกสองคนได้ด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทุ่งมหาเมฆ ขณะถูกจับกุมในข้อหาขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย แล้วไม่พอใจ พร้อมตะโกนด้วยคำหยาบคาย แล้วยังถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่และท้าเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อย จนนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ทำร้ายเจ้าพนักงาน ความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกคือการไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ล่าสุด วันที่ 19 กันยายน 2560 ร้อยตำรวจโท สุขสันต์ กันยาสนธิ์ รองสารวัตรจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูก “นายปืน” ด่าทอ และถ่มน้ำลายใส่ เปิดใจกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุตนยืนปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน อยู่ตรงทางลงทางด่วนพระราม 4 หลังปล่อยสัญญาณไฟเขียว ขณะที่รถจักรยานยนต์กลุ่มใหญ่แล่นผ่าน มีคนตะโกนบอกว่า "พี่ตำรวจช่วยดูหน่อย มีคนไม่ใส่หมวกนิรภัย ทะเบียนรถก็ไม่มี แถมยังสูบบุหรี่ก่อกวนคนที่อยู่ด้านหลัง" ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนบอก แต่ตัดสินใจ ประสานให้ตำรวจจราจรที่อยู่ด้านหน้าช่วยตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนพูดว่า ตำรวจไม่ยอมทำอะไร แล้วละเลยในหน้าที่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่อีกจุดหนึ่ง ได้เข้าไปตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ตนแจ้งไป คือรถของนายปืน พบว่ารถจักรยานยนต์ไม่มีหลักฐานเอกสารอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานงานเรียกตนเองให้ไปที่จุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงยังไม่ได้พูดคุยหรือสอบถามอะไร ก็ถูกนายปืนด่าใส่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แม้ตนพยายามจะอธิบายแต่อีกฝ่ายกลับไม่ฟัง สักครู่หนึ่งแม่ของนายปืนได้ตามมา และได้ด่าว่าตนเองตามที่เห็นในคลิป  ตนจึงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปไว้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่า ตำรวจทำร้ายประชาชน
ร้อยตำรวจโท สุขสันต์ กันยาสนธิ์ รองสารวัตรจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ
ขณะที่ตนพูดคุยกับนายปืนและแม่ของนายปืนอยู่นั้น ตนก็ยิ้มตลอด แต่อีกฝ่ายก็ด่าทอตนไม่ยอมหยุด จนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงบอกว่า “น้องดูหมิ่นพี่นะ ไปโรงพักกันไปคุยกัน” แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ตนจึงต้องเรียกร้อยเวรมา แต่ยังไม่ยอมอีก ขณะนั้นหากอีกฝ่ายยอมไปโรงพักเรื่องก็คงไม่บานปลาย ซึ่งขณะที่เขาด่าหรือถ่มน้ำลายใส่ ตนไม่ได้รู้สึกโมโห เพราะปกติตนเป็นคนที่สวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่เป็นประจำจึงทำให้ใจเย็น และที่สำคัญ ตนเป็นตำรวจ อายุ ย่าง 49 ปี รับราชการมา 20 กว่าปีแล้ว ที่ผ่านผู้บังคับบัญชาอบรมตลอดว่า หัวใจหลักของตำรวจคือบริการประชาชน อย่าไปทะเลาะกับประชาชน ตนก็คิดเช่นนั้น จึงทนได้ คิดว่าเขาจะด่าก็ปล่อยให้ด่าไป ก่อนหน้านี้ตนเคยเจอนายปืนครั้งหนึ่ง เคยว่ากล่าวตักเตือนเรื่องการสวมหมวกนิรภัย ตอนนั้นเขาก็มาจอดรถต่อหน้าตนเอง แล้วก็ด่าท้าทาย แต่ตนก็ไม่ใส่ใจคิดว่ากำลังปฏิบัติงานอยู่ “คิดว่าอะไรที่มันเป็นขี้หมา มันเหม็นผมไม่เอาเท้าไปเหยียบหรอก”  ซึ่งความผิดด้านจราจรมันสามารถตักเตือนว่ากล่าวกันได้  จนกระทั่งเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา จึงนึกขึ้นมาได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน
นายปืน ชายในคลิปดัง
ทั้งนี้ตอนแรกไม่คิดจะดำเนินคดี แต่คนเราทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถ้าตนไม่ดำเนินคดี แต่มีคนอื่นถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอแล้วเผยแพร่ออกไป ถ้าคนในครอบครัวหรือคนรู้จักเห็น คงคิดว่าทำไมตนจึงไม่ยอมทำอะไร จึงได้แจ้งความเอาไว้ "คุณจะด่าผม ด่าแม่ผมซึ่งท่านอายุ 90 ปี แก่แล้ว ด่าลูกอีกระ_รี่ ลูกอี_อกทอง ทั้งที่ผมไม่มีเรื่องโกรธเคือง ก็แค่เคยเรียกตรวจมอเตอร์ไซค์ และว่ากล่าวตักเตือนไปเท่านั้น" พร้อมบอกว่า ถ้าตนจะปากหมาใส่เขา จะทำไปทำไม ตนก็อยู่ในพื้นที่ตลอด ทุกวันนี้การเป็นตำรวจจราจรต้องสวมหมวก 2 ขัน 1.คือขันติ 2.คือหมวกจราจรที่เราใส่ ตนคิดแบบนี้มาเสมอ สุดท้ายอยากฝากว่าอย่าใช้อารมณ์ คุณอย่ามองตำรวจว่าตำรวจจะต้องเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยส่วนตัวคุณอาจจะมีอคติกับตำรวจ แต่ทุกคนไม่มีใครดีใครเลว ตำรวจก็มีดี มีไม่ดี ซึ่งตำรวจดีมีเยอะ ถึงไม่ชอบก็ขอให้เอาสติเป็นที่ตั้ง อย่าใช้อารมณ์  

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ