ฝรั่งเปิดใจถูกจับรื้อด่านโควิด ที่แท้แค่ออกไปส่งของ งงอ่านป้ายไทยไม่ออก (คลิป)

กรณีนายฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน กำนันตำบลน้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พร้อมลูกบ้าน จำนวนกว่า 20 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชาวต่างชาติรายหนึ่ง ภายหลังจากลงมือรื้อด่านสะกัดกั้นโควิด-19 ของชุมชนเมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 9 เม.ย.63 ทีมข่าวได้รับอนุญาตจากกำนันตำบลน้ำแพร่ ให้เดินทางไปพูดคุยกับบ้านชาวต่างชาติคนดังกล่าว ชาวเยอรมัน พบว่าบ้านอยู่ท้ายซอยติดกับถนนใหญ่ ห่างกันเพียง 150 เมตร และตั้งอยู่ใกล้กับวัดทุ่งรังแร้ง ต.น้ำแพร่ โดยหน้าบ้านยังได้ติดป้ายว่าเป็นโรงงานผลิตเบเกอรี่ มีชาวเยอรมันอาศัยอยู่กับหญิงไทยอีก 1 คน 

นายอลันส์ โยธาดิมอูโด้ ไพร์สเลอร์ หรือ โจ อายุ 62 ปี ชาวเยอรมัน พาทีมข่าวเดินทางจากหน้าบ้านไปที่ไม้กัน พร้อมป้ายประกาศป้องกันโรคโควิด-19 ของหมู่บ้าน โดยพบว่าแผงกั้นดังกล่าว วันนี้ได้มีการปรับไม้ไผ่สร้างทับของเดิม ยึดด้วยตะปูขนาดใหญ่และลวดเหล็ก พร้อมทั้งยังนำท่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ มาตั้งกั้นเอาไว้ ติดตั้งป้ายประกาศชัดเจนระบุว่า “ขออภัยในความไม่สะดวก ใช้เส้นทาง เนื่องจากป้องกันโรคโควิด-19 ขอขอบคุณ” และยังสังเกตได้ว่ามีเจ้าหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกันมาเฝ้าบริเวณจุดดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกรื้อทำลายอีก

นายโจ กล่าวว่า เดิมทีแผงกั้นดังกล่าวทำขึ้นแบบไม่ถาวร สามารถโยกเปิดปิดได้ วันดังกล่าวตนเองจึงได้ยกแผงกั้นออกแล้วขับรถออกไป ซึ่งไม่ได้ทำลายให้เสียหาย เพราะทำเป็นลักษณะยกเปิดปิดได้ ที่สำคัญป้ายประกาศที่ปิดเอาไว้ ก็มีแต่ข้อความภาษาไทย ซึ่งเวลาเพื่อนชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน อ่านภาษาไทยไม่ออก จึงเข้าใจว่าตนนำสิ่งกีดขวางเหล่านี้มาปิดกั้นซอย ตนเองจึงต้องทำข้อความภาษาอังกฤษ ไปปิดทับเอาไง้ ระบุว่า ให้ไปใช้ประตู หรือ ถนนเส้นอื่น “Please USE next Road in” , Next to the to Wen”

นายโจ ชาวเยอรมัน กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้ทำลายสิ่งกีดขวางหรือไม้ของชาวบ้าน เพียงแค่เปิดปิดเพื่อใช้เข้าออกเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ตนไม่รู้วัตถุประสงค์ของผู้นำชุมชน ว่านำมาติดตั้งไว้เพื่ออะไร เพราะบ้านของตนกับถนนใหญ่ห่างกันเพียงแค่ 150 เมตร ถ้าหากจะต้องมีการปิด ก็ควรมีการแจ้งล่วงหน้า เพราะไม่เช่นนั้นตนจะต้องขับรถวนเข้าไปภายในหมู่บ้าน แล้วใช้ระยะทางที่ยาวนานมากขึ้น แต่ทั้งนี้หากมีคำชี้แจงหรือบอกกล่าวล่วงหน้า ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม ไม่ได้ตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำลายให้เสียหาย

นอกจากนี้นายโจยัง กล่าวทิ้งท้ายว่า กรณีเพื่อนชาวต่างชาติที่มารวมตัวที่บ้านจำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่มีลักษณะแวะมาเยี่ยม ไม่ได้มีการรวมตัวกันเพื่อดื่มสังสรรค์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง อีกทั้งส่วนใหญ่แวะมาทักทายเสร็จก็รีบกลับไป ไม่ได้อยู่รวมตัวกันเป็นเวลานาน และบางคนแวะมาก็เพื่อรับออเดอร์เบเกอรี่ จากนั้นก็จะรีบออกจากบ้านไปทันที

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุย นางฉลอง วงศ์ลือเกียรติ อายุ 50 ปี แฟนสาวของชาวเยอรมัน เปิดเผยว่า ทุกวันนี้แม้ว่าโรคโควิด-19 จะระบาด แต่ตนก็ยังทำเบเกอรี่ส่งขายออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งยังไม่ได้หยุดโรงงาน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องออกจากหมู่บ้านไปส่งของ และยังมีบางครั้งที่กลุ่มรถรับจ้างส่งของออนไลน์ จะต้องแวะมารับของที่บ้าน แต่หลังจากที่ชุมชนปิดซอย โดยที่ไม่มีการบอกหรือแจ้งล่วงหน้า จึงทำให้ไม่สามารถที่จะออกจากหมู่บ้านไปส่งของค้าขายได้ ซึ่งต้องใช้เส้นทางย้อนกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ที่มีเส้นทางยาวไกลมากขึ้น จึงทำให้กระทบต่อธุรกิจ ดังนั้นส่วนตัวอยากให้มีการติดตั้งแผงกั้นดังกล่าว ให้ผลจากบ้านของตนเอง แล้วเว้นระยะพื้นที่เพื่อให้คงการติดต่อค้าขายเป็นปกติ

นางฉลอง ยืนยันว่า ตนไม่ได้ปฏิเสธหรือไม่ให้ความร่วมมือกับชุมชน แต่ต้องพูดคุยหรือบอกก่อนล่วงหน้า เพื่อแจ้งลูกค้าหรือรถรับจ้างที่มารับของออนไลน์ให้รับทราบก่อน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะกระทบธุรกิจโดยตรง หรือหากเป็นไปได้ ก็ตั้งด่านกักหรือจุดปิดกั้นเว้นระยะบ้านตน เพราะบ้านตนเป็นบ้านเดี่ยว ไม่ต้องมาควบคุมก็ได้ หรือหากผู้นำชุมชนและชาวบ้านกังวลมาก ก็ให้มาตั้งจุดคัดกรองหน้าบ้านตน ไม่ต้องไปตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน และไม่ต้องมาปิดทางหลักที่ตนเคยใช้ 

อย่างไรก็ตาม ภายในหมู่บ้านได้มีการปิดทางเข้าออกตามซอกซอยต่าง ๆ รวมกว่า 8 จุด ให้ชาวบ้านทุกคนที่จะผ่านเข้าออกหมู่บ้านไปใช้จุดคัดกรองจุดใหญ่กลางหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้นำชุมชน อาสาสมัครตำรวจ (ชรบ.) สาธารณสุขชุมชน (อสม.) สลับเวรยามเพื่อตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิ บุคคลที่ผ่านจุดตรวจทุกคน ทั้งนี้เพื่อไม่แพร่เชื้อออกสู่ภายนอก รวมถึงรับเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ภายในหมู่บ้าน

เนื่องจากภายในต.น้ำแพร่ โดยเฉพาะหมู่บ้านทุ่งรังแร้ง หมู่ 4 ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยติดโรคโควิด-19 จำนวน 2 ราย คือชาวต่างชาติ 1 ราย ภรรยาของชาวต่างชาติ 1 ราย โดยเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.เชียงใหม่ อีกทั้งยังมีบุคคลใกล้ชิดถูกกักตัวรวมกว่าอีก 20 คน ชุมชนและตำบลแห่งนี้จึงมีความจำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อใหม่

นายฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน กำนันตำบลน้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ชุมชนแห่งนี้มีผู้ติดโรคโควิด-19 จึงมีความจำล็อกดาวน์หมู่บ้าน ล่าสุดปิดไปแล้ว 2 หมู่บ้าน คือหมู่ 4 บ้านทุ่งรังแร้ง มีประชากร 410 หลังคา จำนวน 1,300 คน ผู้สูงอายุ 200 คน เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ 100 คน

และหมู่ 8 แม่คะนิลใต้ ประชากร 56 หลังคา จำนวน 130 คน ส่วนใหญ่ 20 หลังคาเป็นบ้านชาวต่างชาติ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องปิด 2 หมู่บ้านดังกล่าว เพื่อป้องกันและสั่งห้ามไม่ให้คนภายในชุมชนมีการเคลื่อนย้ายและออกไปสัมผัสกับชาวบ้านในหมู่บ้านอื่น

ส่วนเหตุผลที่ต้องมีการปิดล็อกหมู่บ้าน เพราะที่ผ่านมากลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้าน มักจะเดินทางเคลื่อนย้ายไปมาโดยไม่มีการแจ้งหน่วยงานราชการ แม้กระทั่งฝ่ายปกครองได้ติดตามพฤติกรรมของบ้านชาวต่างชาติบางหลังคาเรือน พบว่าไม่ได้ปฏิบัติตามที่รัฐบาลกำหนด มีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยรวมกลุ่มกันแล้วดื่มสังสรรค์ ไม่ได้สนใจหรือเกรงกลัวโรคระบาด

ทั้งนี้ตนในฐานะผู้นำชุมชน จึงมีความกังวลมาก ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ อาจมีความเสี่ยงที่จะถูกชาวต่างชาติเหล่านี้นำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาด จึงต้องมีความจำเป็นที่จะปิดหมู่บ้าน ทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออก เข้มงวดมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ส่วนกรณีของนายอลันส์ ชาวเยอรมัน ขอชี้แจงว่า ก่อนหน้า 1-2 สัปดาห์ ได้สร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าวต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการปิดล็อกดาวน์หมู่บ้าน อีกทั้งวันที่มีการติดตั้งไม้กั้นและปิดประกาศซอย ก็มีกลุ่มคนจำนวนมากไปช่วยกันทำการปิด ดังนั้นจึงไม่สามารถอ้างได้ว่า ไม่มีการชี้แจง ส่วนการทำลายไม้กั้น ได้มีการแจ้งความเอาผิดตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19

นอกจากนี้ นายฉัตรกรินทร์ กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่ล็อกดาวน์และปิดซอย ไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบ หรือต้องการแกล้งใคร แต่เป็นเพราะมาตรการรักษาสุขภาพ และความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้าน ไม่ให้รับเชื้อเกิดรายใหม่ ไม่ให้มีการนำออกไปแพร่สู่ภายนอก