จากกรณีผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ กลับเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 63 รวมตัวกันขอคำชี้แจงเกี่ยวกับการกักตัว บางส่วนไม่ยินยอมให้พาไปกักตัว บางส่วนได้หลบหนีออกไปจากสนามบิน เนื่องจากปฏิเสธที่จะเดินทางไปกักตัวในพื้นที่ที่ทางรัฐบาลได้จัดเตรียมไว้ให้ ที่ศูนย์เฝ้าระวังอาคารรับรองสัตหีบ จ.ชลบุรี
วันที่ 4 เม.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านย่านสุวินทวงศ์ 38 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. นางวัน (นามสมมติ) แม่ของผู้เดินทางกลับจากประเทศสิงคโปร์ ระบุว่า ลูกชายอายุ 26 ปี ก่อนจะกลับมาประเทศไทย อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีการติดต่อซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านทางสถานทูต จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 600 เหรียญสิงคโปร์ เพื่อเดินทางกลับมา เนื่องจากจะมาคัดเลือกทหาร
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมานี้ตนได้ไปรอรับลูกชาย จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. ลูกชายบอกว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่อนุญาต ตนก็พาลูกชายกลับบ้าน ยืนยันว่าไม่ได้คิดหนี แต่เมื่อเช้ามาทราบข่าวว่าหนี ตนก็งงเหมือนกัน ข่าวออกไปตนรู้สึกแย่มาก
ทั้งนี้ เที่ยวบินของลูกชายตนเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 17.20 น. กลับมาถึงบ้านก็ได้แยกลูกชายไว้ห้องชั้นบน ห้องน้ำก็ให้ใช้คนเดียว ตนเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดีว่าจะต้องกักตัว 14 วัน และต้องรับผิดชอบต่อสังคม
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แม้กระทั่ง ตม. ที่ไม่แจ้งประสานกัน และไม่ได้มีการแจ้งก่อนล่วงหน้าว่าจะกักตัว ถ้าหากชี้แจงก่อน ตนคิดว่าประชาชนก็น่าจะยอม
นอกจากนี้ ลูกชายเล่าให้ฟังว่า ขณะที่ได้ลงเครื่องมา ได้ถูกยึดพาสสปอร์ตและเอกสารทั้งหมดที่มาจากสถานทูต แล้วก็นำตัวไปนั่งรวมกันทั้งหมดจากเที่ยวบินญี่ปุ่นด้วย ตนมองว่าในห้องแอร์แบบนั้นจะป้องกันอะไรได้ หลังจากนั้น ลูกชายโทรหาตน บอกว่าข้างในวุ่นวายมาก ซึ่งตนรอถึง 21.30 น. เพราะจะเคอร์ฟิวแล้ว หากไม่เสร็จ ตนจะกลับบ้านก่อน ขณะนั้นลูกชายโทรมาบอกว่ากลับบ้านได้แล้ว
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ทราบข่าว ลูกชายก็เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรายงานตัวแล้ว โดยมีรถตู้มารอรับ เพื่อไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะนี้ทางหน่วยงานของภาครัฐยังไม่ได้ติดต่อไปพ่นยาฆ่าเชื้อใด ๆ ตนก็แอบหวั่นกลัวลูกชายจะติดเชื้อ และจะนำเชื้อมาติดคนในครอบครัว
