จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเด็กหญิงมีเลือดเลอะเสื้อ พร้อมข้อความระบุทำนองว่า หลานสาวถูกทำร้ายร่างกายจนสลบ เพราะเด็กเล่นกันแล้วเกิดบาดเจ็บ แต่ผู้ปกครองอีกฝ่ายเข้ามาทำร้ายหลานตน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเด็กหญิง 7 ขวบและเด็กหญิง 9 ขวบเล่นกัน จนมีการปาหินโดนเด็กหญิง 7 ขวบเลือดออก พ่อของเด็ก 7 ขวบโมโห จึงทำร้ายร่างกายเด็กหญิง 9 ขวบนั้น
วันที่ 4 เม.ย. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลานกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยจุดเกิดเหตุเป็นลานโล่ง และติดกันเป็นสนามฟุตซอล
นายณัฐวุฒิ อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุ พ่อของเด็กหญิง 7 ขวบ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเห็นลูกสาวยืนร้องไห้เลือดไหลอาบหน้า ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปดูลูก เพื่อนที่เล่นด้วยกันบอกว่า ด.ญ.โบว์ 9 ขวบเป็นคนทำให้ลูกสาวตนบาดเจ็บ ด้วยความโมโหจึงเตะไปที่ด.ญ.โบว์ โดยไม่ได้มองว่าโดนบริเวณใด ก่อนจะรีบอุ้มตัวลูกขึ้นรถจักรยานยนต์ไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งลูกสาวตนศีรษะแตก เย็บ 2 เข็ม
โดยหลังเกิดเหตุ ตนรู้สึกสำนึกผิด ยอมรับว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวตัวเองมากเกินไป ซึ่งตนยังไม่กล้าเข้าไปขอโทษอีกฝ่าย เพียงแค่ให้พ่อเป็นตัวแทนเข้าไปเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในอารมณ์โกรธ กลัวว่าหากเข้าไปจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก จึงรอให้ฝ่ายผู้บาดเจ็บอารมณ์เย็นกว่านี้ แล้วจะเข้าไปขอโทษด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้หนี และยินดีรับโทษตามกฎหมาย
ด้านนายบรรจบ อายุ 46 ปี พ่อของเด็กหญิง 9 ขวบผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 63 เวลา 17.00 น. ขณะที่ลูกสาวอายุ 9 ขวบ กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนประมาณ 7-8 คน ที่ลานกลางหมู่บ้าน มีการเล่นปาเศษดินเศษหินใส่กัน ระหว่างนั้นเกิดปาไปโดนเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ จนศีรษะแตก แล้วพ่อของเด็กหญิง 7 ขวบ ซึ่งเตะฟุตบอลอยู่สนามข้างกัน ก็เดินมาเตะหน้าลูกสาวตนจนสลบไป จนเพื่อนบ้านต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
เมื่อทราบเรื่อง ตนรีบตามไปดูอาการลูกสาว พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากปาก จากแผลที่ฉีกขาดในปาก ฟันโยก 3 ซี่ และกรามร้าว โดยลูกสาวอยู่ในอาการหวาดผวา ส่วนผู้ก่อเหตุไม่เคยเข้ามาพูดคุย มีแต่พ่อของผู้ก่อเหตุที่เข้ามาบอกว่าจะรับผิดชอบ และเงียบหายไป ซึ่งตนก็เข้าแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนอยากให้คนก่อเหตุเข้ามาขอโทษด้วยตัวเอง
โดยลูกสาวนอนรักษาตัวอยู่ 3 วันและออกจากโรงพยาบาลแล้ว อาการเริ่มดีขึ้น ตนคิดว่าหากลูกตัวเองทำผิดที่ไปปาก้อนหินใส่อีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บ ผู้ใหญ่ก็น่าจะมาคุยกันมากกว่า เพราะตนก็ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่การที่ผู้ใหญ่มาทำร้ายเด็กเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป
