จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nichakorn Plaeksantia ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ตัวเองได้ทำงานร้านอาหารกลางคืน ซึ่งรัฐบาลได้มีคำสั่งหยุดให้บริการเนื่องจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องกลับไปอยู่อาศัยกับยาย แต่กลับถูกญาติรังเกียจเกรงว่าจะนำเชื้อโรคมาแพร่ กระทั่งเกิดการทำร้ายร่างกายกันขึ้น นั้น
วันที่ 3 เม.ย.63 น้องเล็ก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ตนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา พอเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ร้านอาหารได้หยุดให้บริการ ตนจึงกลับไปอยู่บ้านกับยาย จากนั้นตนได้นอนอยูบ้านเฉย ๆ ไม่มีรายได้เข้ามา ญาติแถวบ้านได้สั่งให้ตนกักตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน
แต่ 2-3 วันถัดมาเงินเริ่มหมด ในใจนึกว่าหากนอนอยู่เฉย ๆ ก็ไม่มีตังค์ใช้ ไม่มีตังค์จ่ายค่ารถ-โทรศัพท์มือถือ จึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้า และให้เพื่อนมารับ แล้วหนีไปอยู่กับเพื่อนที่หอแถวแปดริ้ว ซึ่งตนได้ไปรับเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยมาขายได้วันละ 100 กว่าบาท
ก่อนวันเกิดเหตุยายโทรมาหาเพราะเป็นห่วง แต่ได้บอกว่าอย่ากลับมาที่บ้านเพราะที่บ้านทางญาติยังไม่ให้กลับไป เนื่องจากญาติกลัวว่าตนจะไปรับเชื้อมาแพร่ แต่ด้วยความที่เป็นห่วงยายจึงกลับไปที่บ้าน
กระทั่งวันเกิดเหตุ เวลา10.30 น.ตื่นเช้ามาก็เกิดเรื่อง เพราะญาติในระแวกใกล้เคียงเดินมาไล่และข่มขู่ ก่อนจะจะโดนทำร้ายจนสบักสบอม ประกอบกับก่อนออกมาจากบ้านยายตนได้โพสต์ทำนองว่าญาติเกี่ยวเรื่องของยาเสพติด
ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ แจ่มแจ้ง อายุ 33 ปี ญาติคนก่อเหตุ บอกว่า ตนได้เข้าไปตักเตือนน้องเล็ก ในเรื่องของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะก่อนหน้านี้ทางแม่ของตนและญาติ ๆ ได้มีการเข้าไปเตือนน้องเล็ก หากกลับบ้านมาไม่ควรออกจากนอกบ้าน ถ้าจะออกจากนอกบ้านก็ไม่ต้องกลับเข้ามาจนกว่าโรคมันจะซา
ทางฝ่ายของน้องเล็กได้ตอบเพียงแค่คำว่า "จ้า" และรับปากเรียบร้อย ว่าจะไม่ออกไปไหน ท้ายที่สุดน้องเล็กก็ได้ออกจากบ้านไป หลังจากที่อยู่บ้านได้เพียง 2 วัน และก็กลับมาอีกครั้ง ตนจึงตัดสินใจเข้าไปตักเตือน พร้อมกับบอกว่า มาจากตรงไหนก็ไปที่นั้น เพราะกลัวว่าจะนำเชื้อโรคมาสู่เด็ก ๆ และญาติ ๆ เนื่องจากน้องเล็กเป็นบุคคลที่ชอบเที่ยวไปทั่ว
หลังจากที่ตักเตือนเสร็จก็กลับไปทำงาน และมีคนส่งข้อความทางเฟซบุ๊กมาให้ โดยที่น้องเล็กได้โพสต์ข้อความดูหมิ่นกล่าหาครอบครัวของตนค้ายาบ้า จนทำให้รวย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
