กรณีนายเวช (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ชาว อ.คำตากล้า จ.สกลนคร ใช้มีดพร้าฟันคอนางจิต (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี ผู้เป็นภรรยา และนายจันทยากร (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ลูกเลี้ยง เสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปมอบตัวกับ ร.ต.อ.สัตยา คำวงษา รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาหว้า จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 2 เม.ย.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 3 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบโลงศพสองแม่ลูกตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน บริเวณบ้านอีกหลังที่ปลูกติดกัน มีชาวบ้านมาร่วมงานศพจำนวนมาก โดยนายเอ (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี ลูกชายของนายจันทยากร เล่าเหตุการณ์สยองขวัญครั้งนี้ว่าก่อนเกิดเหตุ ปู่ได้นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านหลังเก่า ถกเถียงกับพ่อที่นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน ห่างกันประมาณ 10 เมตร ขณะที่ย่าคือนางจิต นั่งอยู่ในบ้านหลังใหม่ ส่วนตนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำหลังบ้าน
หลังจากนั้นนายเวช ได้เดินไปปิดไฟใต้ถุนบ้าน คว้ามีดพร้าที่วางอยู่ข้างเสา เดินเข้าไปฟันพ่อที่นั่งหันข้างให้ เมื่อพ่อหันมาเห็นจึงยกแขนบังถูกฟันแขนขาด จากนั้นนายเวช ฟันซ้ำอีกหลายคร้งจนพ่อแน่นิ่งเลือดสาดเต็มพื้น ด้านนางจิต เห็นลูกชายถูกสามีฟัน จึงออกมาช่วยแต่ถูกฟันที่ต้นคอล้มฟุบลงไปกองกับพื้นดิน
ทั้งนี้นายเวช หันมาที่ตนและจะฟันตนอีก จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่นายเวช ไม่ได้วิ่งตาม แต่กลับมาฟันภรรยาซ้ำจนสิ้นใจคาที่ แล้วโยนมีดพร้าใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ทะเบียน ขคง 392 สกลนคร และขี่ออกไปเหยียบศพภรรยาซ้ำอีกครั้ง ก่อนมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนสาเหตุที่นายเวช ฆ่าอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ นายเอ เปิดเผยว่า ย่าเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องนายเวช ต้องการจะได้ที่ดินจำนวน 4 ไร่ เพราะจะนำไปขายแล้วจะกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ อ.คำตากล้า จ.สกลนคร แต่ย่าจะเก็บไว้ให้พ่อสำหรับทำกินเลี้ยงครอบครัว อาจเป็นสาเหตุทำให้นายเวชไม่พอใจจึงตัดสินใจฆ่าดังกล่าว
พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า กล่าวว่า นายเวช หลังจากมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนอ้างว่า เก็บกดมานานหลายปี เนื่องจากไม่ค่อยกินเส้นกับนายจันทยากร ลูกเลี้ยง แม้จะเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ กระทั่งจบชั้น ม.3 ตลอดเวลาจะพูดขับไล่ให้หนีไปอยู่ที่อื่น บางครั้งก็แช่งให้ตาย จนถึงจุดแตกหัก จึงก่อเหตุสลดดังกล่าว
นายเวช รับสารภาพอีกว่า ตนแต่งงานใหม่อยู่กินกับนางจิต ตั้งแต่ปี 32 โดยนางจิต มีลูกติด 1 คน คือ นายจันทยากร ขณะนั้นอายุ 9 ขวบ และเมื่อแต่งงานมีลูกชาย 1 คน จึงนำหลานมาฝากให้เลี้ยงตั้งแต่ประมาณ 7-8 เดือน กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาลูกเลี้ยงได้กลับจากกรุงเทพฯ มาทำงานที่บ้าน ช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตร
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ตนนำเงินที่สะสมจากการทำการเกษตร ไปซื้อที่นาจำนวน 4 ไร่ เมื่อปีที่แล้วในราคา 1.2 แสนบาท เพื่อหวังเก็บมาเป็นมรดกไว้ให้ทำกิน สุดท้ายเกิดปัญหาหลังจากภรรยาและลูกเลี้ยงขอให้ตนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นชื่อของนายจันทยากร ถึงแม้ตนไม่พอใจแต่ก็ยินยอมไม่อยากมีปัญหา หลังจากโอนกรรมสิทธิ์ให้ กลายเป็นปมขัดแย้งในครอบครัว เพราะลูกเลี้ยงกับภรรยาเริ่มมีปัญหา พยายามจะขับไล่ตนออกจากบ้าน ไม่อยากให้อยู่ ดุด่ากล่าวหาว่าสร้างปัญหาสารพัด แต่ตนอดทนมาตลอดจนกระทั่งก่อนนี้ลูกเลี้ยงได้ไล่ตนออกจากบ้านให้กลับไปอยู่บ้านเกิด จ.สกลนคร ทำให้ตนเก็บกดมาตลอด
กระทั่งช่วงเกิดเหตุหลังกลับมาจากทำนา ลูกเลี้ยงพยายามพูดจาถากถางเสียดสีว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนจะตายเสียที หรือไม่ยอมหนีออกจากบ้านสักที ทำให้ตนโมโหสุดขีด ทั้งที่ทำงานเก็บเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงจนซื้อที่ไว้ให้ 1.2 แสนบาท ซ้ำยังโอนกรรมสิทธิ์ให้เรียบร้อย จึงตัดสินใจคว้ามีดตะขอเดินเข้าไปฟันลูกเลี้ยงหวังฆ่าให้ตายจะได้จบปัญหา แต่ช่วงเกิดเหตุภรรยาได้เดินเข้ามาตนคิดว่ามีอาวุธ จึงตัดสินใจฟันไม่ยั้งจนนอนแน่นิ่ง
เมื่อตั้งสติได้ก็พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ง จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พร้อมนำอาวุธมีดติดตัวไปมอบตัวกับตำรวจ เพราะยอมรับทำไปเพื่อจบปัญหาและขอชดใช้กรรมในคุก รับไม่ได้กับปัญหาครอบครัว ส่วนหลานชายอายุ 16 ปี ที่รอดชีวิตยอมรับรักมาก เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดจะฆ่า ตั้งใจจะฆ่าแค่ภรรยากับลูกเลี้ยง เพื่อจบปัญหาเท่านั้น
ขณะที่นายไสว ลำมะสาด กำนันตำบลนาคูณใหญ่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายเวช แต่งงานอยู่กินกับนางจิต มานานหลายปี จนมีลูกสาว อายุ 28 ปี 1 คน ก่อนหน้าทั้งคู่เคยเลิกรากันมาพักหนึ่งและหวนมาคืนดีกันอีกครั้งเมื่อปี 54 ด้วยนิสัยของนายเวช เป็นคนต่างถิ่นที่ไม่ยอมสุงสิงกับเพื่อนบ้าน จึงไม่มีใครรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่ในครอบครัว หากได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับที่ดินนั้นไม่น่าจะเป็นเหตุจูงใจให้นายเวช ฆ่าสองแม่ลูก อาจจะเกิดจากแรงกดดันกับลูกเลี้ยงมากกว่า ทั้งคู่เหมือนขมิ้นกับปูนมาโดยตลอด
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัวนายเวชไว้ที่สภ.นาหว้าเพื่อทำการสอบสวนและทำแผนประกอบคำรับสารภาพและจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมในวันพรุ่งนี้ต่อไป
