รุ่นพี่แฉ ดาราดังตกเป็นเหยื่ออาจารย์หื่นถ่ายสยิว – ม.ศิลปากรแจงให้ออกทั้งครูและญาติ (คลิป)

จากกรณีอดีตอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยศิลปากร ล่อลวงให้นักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์มาเป็นแบบถ่ายภาพหวิว ก่อนจะลวนลาม กระทั่งมหาวิทยาลัยได้ออกแถลงการณ์ยอมรับ พร้อมยุติการเชิญอาจารย์พิเศษรายดังกล่าวมาสอน ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น (อ่าน: เปิดใจ นศ.สาว ม.ศิลปากรถูกอาจารย์หื่นลวงถ่ายสยิว อึ้งมีศิษย์โดนอีก จี้สถาบันสอบ) ล่าสุด วันนี้ (6 ก.ย. 60) นางสาวน้ำทิพย์ (นามสมมติ) ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร เล่าว่า อาจารย์พิเศษรายนี้ มีชื่ออักษรย่อ "ก" เป็นชายสูงอายุ สอนมาตั้งแต่เปิดภาควิชา ซึ่งนักศึกษาทุกคนที่เรียนในภาควิชานี้ จะต้องเคยเรียนกับเขา

นางสาวน้ำทิพย์ บอกว่า พฤติกรรมล่อลวงไปสู่การกระทำอนาจารมีมามานานหลายปีแล้ว นักศึกษารู้กัน อย่างรุ่นที่ตนเรียนก็มีเพื่อนร่วมรุ่นโดนเรียกไปถ่ายภาพในลักษณะนี้ 2 คน โดยชวนให้ไปเป็นแบบวาดภาพนางในวรรณคดี พอไปถึงก็ปิดประตูล็อกห้อง เริ่มการถ่ายภาพซึ่งจะให้นักศึกษาใส่เกาะอก กับกางเกงซับใน ระหว่างที่ถ่ายภาพจะมีการขอให้เอาซิลิโคนปิดจุกหน้าอกออก หลอกล่อให้ถอดเกาะอก แต่ตอนนั้นเพื่อนตนปฏิเสธจนผ่านพ้นไปได้ และนำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งปัจจุบันเป็นดารามีชื่อเสียง ส่วนเพื่อนอีกคนที่โดนก็อับอายไม่กล้าบอกใคร โดยช่วงแรกก็ยังไม่หนักเท่าไหร่ แต่ช่วงปีหลังมีรุ่นน้องมาปรึกษาเยอะว่าถูกชักชวนไปถ่ายภาพลักษณะนี้ โพสต์ท่าไปในเชิงอนาจาร แต่น้องๆ เหล่านั้นก็ได้แต่คุยกันเองภายใน ไม่กล้าออกมาเรียกร้อง เพราะกลัวจะมีผลกระทบกับการทำศิลปะนิพนธ์ในช่วงจบการศึกษา โดยนักศึกษาที่โดนชักชวนจะเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ส่วนตัวตนเองไม่คิดว่า อาจารย์อักษรย่อ "ก" จะมีพฤติกรรมลักษณะนี้ เนื่องจากอยู่ในวัยอาวุโส เป็นที่รู้จักกันดีในวงการศิลปะ และในชั่วโมงสอนท่านจะมีบุคลิกเป็นคนใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นมิตรมีเมตตา ทุกคนจึงไม่ได้ระวังตัว นอกจากนี้ อาจารย์รายดังกล่าวยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวหน้าภาควิชาแฟชั่นดีไซน์ ตนจึงคิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวนักศึกษาที่ถูกกระทำไม่กล้าออกมาเรียกร้อง ส่วนล่าสุดที่มหาวิทยาลัยมีประกาศชี้แจงว่า ได้ยุติการว่าจ้างสอนอาจารย์รายนี้แล้ว แต่ไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้ ให้นักศึกษาไปแจ้งความเอง ตนมองว่าไม่เป็นธรรมกับนักศึกษาและสิ่งที่สังคมคาดหวัง "เปรียบเหมือนอาจารย์ยิงนักศึกษา แล้วมหาวิทยาลัยไล่อาจารย์คนนั้นออก ไม่ให้มาสอน แล้วยังไล่ให้พ่อแม่เด็กไปฟ้องร้องเอาเอง ทั้งที่เด็กคนนั้นจ่ายค่าเทอมให้มหาวิทยาลัย อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย นี่หรือคือการรับผิดชอบของมหาวิทยาลัย" ย้ำว่าสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรปกป้องคือนักศึกษา ไม่ใช่ปกป้องคนผิด   ด้าน ดร.ธนาทร เจียรกุล คณบดีคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ยืนยันว่าไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้น หรือปกป้องคนผิด เพราะไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน เนื่องจากนักศึกษาไม่กล้าบอกความจริง เพราะเกรงจะมีผลกระทบกับผลการเรียน ยอมรับว่าเพิ่งมารู้ก่อนหน้าที่จะมีการตั้งกระทู้ในพันทิป เนื่องจากมีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ร้องเรียน ซึ่งต้องขอบคุณนักศึกษารายนี้ที่ทำให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา ดร.ธนาทร เปิดเผยว่า เมื่ออธิการบดีทราบเรื่องก็สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในทันที ซึ่งอาจารย์คนดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้ทำอนาจาร แต่มหาวิทยาลัยมองว่าไม่เหมาะสมกับการเป็นครูบาอาจารย์ ที่จะถ่ายทอดวิชาให้แก่ นักศึกษา จึงได้ออกประกาศฉบับล่าสุด ส่วนข้อมูลที่ระบุว่าอาจารย์พิเศษรายนี้ เป็นเครือญาติกับหัวหน้าภาควิชา คณบดีคณะมัณฑนศิลป์ยอมรับด้วยว่าเป็นความจริง ซึ่งนักศึกษาผู้เสียหายยอมรับว่ากังวลกับเรื่องนี้ ตนจึงได้ให้ความมั่นใจ จนกล้าที่จะให้ข้อมูล

"ใจเราเป็นผู้บริหารก็ต้องช่วยเด็กอยู่แล้ว เพราะเด็กเรียนด้วยความไม่มั่นใจ หรือหวาดกลัวก็ไม่เป็นผลดี แต่ก็คิดว่าจะให้เรื่องนี้ยุติอย่างไร บนข้อเท็จจริง สุดท้ายจึงได้บทสรุปออกมา" คณบดีคณะมัณฑนศิลป์กล่าว อย่างไรก็ตาม ดร.ธนาทรกล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ทำให้หาข้อเท็จจริงได้เร็วขึ้น ช่วยรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของนักศึกษากลับมาได้เร็ว โดยมีการโพสต์เมื่อกลางเดือน ก.ค. ไม่ถึง 2 เดือนก็ได้ข้อสรุป ส่วนเรื่องที่มหาวิทยาลัยไม่สามารถเอาผิดทางวินัยกับอาจารย์คนดังกล่าวได้ เนื่องจากมี พ.ร.บ.กำกับดูแล ซึ่งไม่ครอบคลุมถึงการลงโทษบุคคลภายนอก และมหาวิทยาลัยไม่ใช่เจ้าทุกข์ แต่นักศึกษาสามารถเอาสำนวนตรงนี้ไปแจ้งความได้ โดยมหาวิทยาลัยยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ยืนยันว่าไม่ได้ช่วยคนผิด เพราะคณะมัณฑนศิลป์เคยมีประวัติการไล่อาจารย์ออกมาแล้ว 2 คน ทั้งกรณีลวนลามนักศึกษา และทำให้หน่วยงานแตกแยก ซึ่งถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง แต่ทั้ง 2 กรณีเป็นอาจารย์ประจำคณะ จึงสามารถลงโทษได้ทันที ส่วนกระแสว่ามีอาจารย์ภาควิชาแฟชั่นดีไซน์ขอลาออกนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งได้อนุมัติไปเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) โดยเป็นหัวหน้าภาควิชาและอาจารย์รวม 2 คน ที่มีความสัมพันธืเกี่ยวข้องกับอาจารย์พิเศษรายนี้ ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง ตนได้เรียกประชุมสร้างความความเชื่อมั่นให้กับนักศึกษาว่า คณะจะเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งความต้องการของนักศึกษาคือ ไม่ต้องการให้อาจารย์คนนี้กลับมาสอนอีก นอกจากนี้ได้กำชับให้หัวหน้าภาควิชาเข้มงวดกับการสรรหาอาจารย์พิเศษมาช่วยสอน โดยย้ำให้สืบข้อมูลประวัติส่วนตัวอย่างละเอียดด้วย