วันที่ 1 เม.ย. 63 นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองชุมพร เนื่องจากช่วงเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 มี.ค. 563 มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นตำรวจท่องเที่ยวจากส่วนกลาง และนักข่าว ทั้งหมด 9 คน บุกเข้ามาในร้านรับซื้อของเก่าโดยไม่มีหมายค้น ข่มขู่อ้างว่าตนมีความผิด รับซื้อของโจร แล้วบังคับข่มขู่เอาเงินไปจำนวน 80,000 บาท
นายสุรินทร์ เล่าว่า ตนมีอาชีพรับซื้อของเก่าและซากรถเก่า มีใบอนุญาตถูกต้อง โดยช่วงค่ำวันที่ 31 มี.ค. 63 มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ 5 คน พนักงานไฟแนนซ์ 1 คน นักข่าว 3 คน บุกเข้ามาตรวจค้นยึดซากรถยนต์เก่า ซึ่งเป็นซากรถที่หมดอายุการใช้งาน และซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ ที่ไม่สามารถใช้ขับขี่ได้ แล้วอ้างสารพัดทั้งไม่มีผู้เสียหายด้วย ตนก็มีหลักฐานให้ดูครบ
ซึ่งกลุ่มดังกล่าวพยายามข่มขู่จะหาเรื่องจับตนให้ได้ แล้วทำทีตรวจซากรถ พนักงานไฟแนนซ์ก็บอกว่าเป็นรถยนต์ของบริษัทที่ถูกคนซื้อแล้วไม่ผ่อนส่งนำมาขายไว้ ส่วนนักข่าวทั้ง 3 คน ก็ถ่ายภาพทำข่าวลักษณะเหมือนเป็นการข่มขู่ให้ตนเกิดความหวาดกลัว
จากนั้น ตำรวจนายหนึ่งถูกเรียกว่า "หมวดตุ้ม" ไปตรวจซากคัสซีรถแล้วบอกว่าตัวเลขถูกลบตัดแต่ง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทำลายหลักฐาน มีความผิดตามกฎหมาย จะยึดรถยนต์ 2 คัน ซึ่งตนได้ติดต่อเจ้าของรถผู้ครอบครองทั้ง 2 คันมาที่เกิดเหตุ เพื่อยืนยันและนำหลักฐานมาแสดงถูกต้อง แต่กลุ่มคนที่อ้างเป็นตำรวจข่มขู่ต่อ บอกว่าซากรถหลายคันที่ตนรับซื้อมาเป็นของโจร พร้อมพาตนไปทำบันทึกการจับกุมที่หน้าบ้าน ให้ตนเซ็นรับเป็นผู้ต้องหา ซึ่งตนไม่ยอมเซ็น
นายสุรินทร์ เล่าต่อว่า กระทั่งเวลาผ่านไป 4-5 ทุ่ม คนที่อ้างเป็นตำรวจพูดข่มขู่ ทำทีโทรศัพท์เรียกรถยนต์มายกของกลางไปที่โรงพัก บอกว่าถ้าจะเคลียร์ นายสั่งให้จ่ายเงินมา 150,000 บาท หากไม่จ่ายจะถูกดำเนินคดี มีโทษหนักจำคุก 5 ปี ด้วยความกลัว ตนและภรรยาจึงขอลดจนเหลือ 80,000 บาท ที่ตัวตนและภรรยามี 42,000 บาท จึงโ?รชอยืมเพื่อนที่เหลือ แล้วไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มปั๊มน้ำมัน โดยกลุ่มดังกล่าวก็ตามคุมอยู่ตลอดเวลา
จากนั้น กลุ่มคนดังกล่าวกลับมาที่บ้านตนอีกครั้ง แล้วถอดเอาเมมโมรี่การ์ดจากล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าร้านตนออกไปด้วย พร้อมกับเอาโทรศัพท์มือถือของภรรยาตนที่ถ่ายคลิปไว้ตอนเข้ามาขอตรวจค้นไปลบคลิปวิดีโอทั้งหมด แต่ตนติดตั้งกล้องวงจรปิดแอบซ่อนไว้หลายตัวทั่วบ้านบันทึกภาพและเสียงไว้ได้ทั้งหมด พร้อมมอบหลักฐานนี้ให้พนักงานสอบสวนแล้ว
นายเจนณรงค์ เศษสุข อายุ 25 ปี พนักงานในร้านรับซื้อของเก่า เปิดเผยว่า ตนเองมาทำงานเป็นลูกน้องของร้าน มีหน้าที่ชำแหละชิ้นส่วนรถ ปกติเจ้าของร้านรับซื้อซากรถซึ่งเป็นรถเก่า ซากรถที่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานแล้ว และเป็นรถที่เกิดอุบัติเหตุ เจ้าของอู่จะตระเวนซื้อตามบ้าน และไปประมูลซื้อซากรถมา แยกเป็นอะไหล่รถขาย ซึ่งตนก็ทำงานที่นี่มา 1 ปี ไม่เคยเห็นคนมารีดไถแม้แต่รายเดียว
ล่าสุดมีกลุ่มคนที่มากันหลายคน พยายามยัดเยียดข้อหา ซึ่งตนเห็นว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในสังคมไทย ส่วนเจ้าของอู่นั้นเป็นคนดี ใจเย็น มีเหตุผล และวันเกิดเหตุตนเองก็อยู่ด้วย
ล่าสุด พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ผู้เสียหายและพยานได้ชี้ภาพตัวยืนยันบุคคลจากกล้องวงจรปิดชัดเจนแล้ว 2 ราย ขณะนี้เจ้าตัวได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย กำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งเป็นผู้กองจริง เบื้องต้นให้การยอมรับว่าบุคคลในภาพคลิปวงจรปิดเป็นตัวเองจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงิน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุก และร่วมกันกรรโชกทรัพย์
พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่า ตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา รวบรวมพยานหลักฐานตรวจสอบประวัติ ซึ่งตำรวจชั่ว เราไม่เอาไว้ และให้สืบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้มามอบตัวแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจประจำอยู่ที่ จ.ชุมพร ได้รายงานพฤติกรรมไปถึงผู้บังคับบัญชาที่ต้นสังกัดแล้ว
