ผวา! คนบ้าใช้มีดจี้สาว ซ้ำกระชากสร้อย หวั่นซ้ำรอยจิตรลดา เจอตัวเป็น ๆ อ้างถูกใส่ร้าย (คลิป)

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.63 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า "อัญชรินทร์ เทวกุล" โพสต์เรื่องราวอ้างว่า นายโอ ชายสติไม่ดี อายุประมาณ 35-40 ปี ใช้มีดทำครัวยาวประมาณ 30 ซม. เดินเข้ามาจี้จากทางด้านหลัง ที่ย่านบางแค สามแยกท่าเกษตร (แยกพัฒนาการ) กลางวันแสก ๆ ทำให้นึกถึงคดีของ น.ส.จิตรลดา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รับแจ้งความ เพียงแต่ลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากชายคนดังกล่าวเป็นคนสติไม่ดี มากไปกว่านั้นทราบว่า นายโอ อาศัยอยู่ต้นซอยเทอดไท 91 ซึ่งเป็นซอยเดียวกับที่เธออาศัย และห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตรเท่านั้น 

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ลงพื้นที่สามแยกท่าเกษตร (แยกพัฒนาการ) ย่านบางแค เพื่อสำรวจที่เกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบริเวณข้างร้านขายโทรศัพท์มือถือของ น.ส.อัญชรินทร์ เทวกุล หรือ อุ้ม อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย

น.ส.อัญชรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.63 เวลา 08.45 น. ขณะที่ตนเล่นโทรศัพท์มือถือ และกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่แคร่ข้างร้าน นายโอก็ได้เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง ใช้มีดทำครัวจี้ตนระดับประมาณหน้าอก ปลายมีดห่างจากอก 1 ฝ่ามือ พร้อมพูดว่า "ตะกี้มึงพูดอะไรนะ" ตนได้แต่ยกมือโบกปฎิเสธว่า "ใจเย็น ๆ ไม่ได้พูดอะไร" โดยพูดวนแบบนั้นหลายครั้ง นายโอจึงเดินจากไป ตนจึงรีบโทรศัพท์หาสามีให้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นผ่านไป 3-5 นาที มีคนตะโกนบอกว่า นายโอเดินกลับมา ตนจึงรีบหนีไปซ่อนที่ตึกหลังร้าน จนมั่นใจว่านายโอไม่อยู่แล้ว

เมื่อตนได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้ความว่า ผู้ก่อเหตุชื่อนายโอ เป็นคนสติไม่ดี ซึ่งตนรู้สึกว่าตนเองไม่ปลอดภัย จึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.เพชรเกษม (เวลา 10.30 น.) แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตนลงบันทึกประจำวันและบอกกับตนว่า ตนยังไม่ถูกทำร้าย และคู่กรณีเป็นคนบ้า ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครอง ไม่สามารถเอาผิดได้ ทำให้ตนคิดกับตัวเองว่า แล้วความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของตนอยู่ที่ใด

ซึ่งเท่าที่ตนสอบถามรถจักรยานยนต์รับจ้างหน้าซอยเทอดไท 91 ทำให้ทราบว่า นายโอมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ชอบดมสารระเหย โดยตั้งแต่พ่อของนายโอเสียชีวิต ทำให้ไม่มีใครดูแลนายโอ เหลือแต่แม่ ซึ่งก็เป็นคนสติไม่ดีเช่นกัน

น.ส.อัญชรินทร์ บอกว่า จากเหตุการณ์นี้ทำให้ตนกลัวมาก เพราะกิจวัตรประจำวันของตนนั้น ต้องขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอยเทอดไท 91 ซึ่งผ่านหน้าบ้านของนายโอ ในเวลา 8.00 น. เพื่อมาเปิดร้านขายโทศัพท์มือถือ และกลับบ้านในเวลา 23.00 น. ทำให้ตนต้องวานให้สามีคอยรับส่งตลอด ทั้งนี้ตนอยากจะให้คนดูแลนายโอ ช่วยดูแลนายโอให้รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้ออกมาก่อเหตุ ตนไม่อยากจะคิดว่า ถ้าวันนั้นตนเจรจากับนายโอไม่สำเร็จ ตนคงถูกแทงเข้าที่กลางหน้าอก

อย่างไรก็ตาม น.ส.อัญชรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า นายโอทำให้ตนนึกถึงคดีของน.ส.จิตรลดา ที่แทงเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ตนอยากจะบอกทุกคนว่า สุภาษิตที่ว่า "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา" คงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะคนดีไม่มีอะไรคุ้มครอง สังคมจะไม่หามาตรการอะไรมาคุ้มครองคนทั่วไปเหรอ คนบ้าควรได้รับการบำบัดให้หายขาด ไม่ใช่บำบัดแล้วปล่อยออกมาให้ก่อเหตุอีก ซึ่งบ้านของนายโอก็อยู่ใกล้กับโรงเรียน ถ้านายโอก่อเหตุจี้เด็กนักเรียน ใครจะรับผิดชอบ

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของนายโอ ซึ่งเป็นบ้านไม้ มีรั้วเหล็กกั้น ตั้งอยู่ต้นซอยเทอดไท 91 โดยทีมข่าวได้เจอตัวนายโอ สภาพไม่สวมเสื้อ ใส่กางขาสั้น นั่งอยู่ที่ข้างบ้าน ส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "ใช่นายโอหรือไม่" นายโอก็ยังคงยิ้มและตอบว่า "ไม่ใช่ ไม่รู้จัก"

โดยระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังพยายามพูดคุยสอบถามนายโอ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางธิติมา ไทยบริรักษ์ อายุ 60 ปี อาของนายโอ ก็ได้เดินออกมาพูดคุยกับทีมข่าว เปิดเผยว่า ตน ลูกชาย และนายโอ อยู่ด้วยกัน 3 คน แต่ปกติลูกชายของตนจะไม่ค่อยกลับบ้าน คนเข้าใจว่าตนเป็นแม่ของนายโอ โดยพ่อของนายโอเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อกลางปี 62 ที่ผ่านมา ทำให้เหลือตนดูแลนายโอเพียงคนเดียว

นางธิติมา ได้เล่าประวัติของนายโอ ให้ฟังว่า นายโอเคยเป็นทหารเกณฑ์ แต่ขณะรับใช้ชาตินั้นเกิดความกดดัน จนเมื่อออกจากราชการก็ถูกภรรยาหอบลูกหนีไป ประกอบกับนายโอ เคยสักยันต์และหลบหลู่ครูบาอาจารย์ ทำให้ของเข้าตัว ด้วยเหตุทั้งหมดนี้จึงทำให้นายโอเกิดอาการทางจิต

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงเช้าของวันที่ 31 มี.ค.63 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนนอนหลับอยู่ในบ้าน จึงไม่ทันสังเกตว่านายโอ ออกไปทำอะไรที่ไหน ตนอยากจะบอกว่าทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด เวลาที่นายโอก่อเหตุ นายโอจะไม่รู้สึกตัว ตนกลัวเหมือนกันว่านายโอ จะพลั้งมือทำร้ายหรือฆ่าคนตาย แต่ตนยืนยันว่านายโอ ยังไม่เคยจี้ใคร หรือทำให้ใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรงมาก่อน เพียงแต่อาจจะเคยทำร้ายคนในซอยเทอดไท 91 ที่เดินผ่านหน้าบ้าน โดยการฉุดกระชากบ้าง

นางธิติมา บอกว่า นายโอชอบดมกาวและเคยเสพยา ซึ่งตนได้พยามพานายโอไปรักษาอาการทางจิตแล้วที่โรงพยาบาล แต่ตนไม่มีเงินมากพอสำหรับค่าใช้จ่าย ตนยอมรับว่าตนเองก็ป่วยทางจิตตามที่ชาวบ้านลือกัน แต่ตนป่วยเป็นแค่สภาวะจิตเสื่อมหรือโรคเครียดเท่านั้น ทุกวันนี้ตนก็พยายามดูแลนายโอ โดยการควบคุมไม่ให้นายโอออกจากบ้านในตอนกลางคืน และพยายามใช้ธรรมะปัดเป่าอาการทางจิตให้นายโอ

สุดท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามนางธิติมาว่า หากวันหนึ่งนายโอพลั้งฆ่าคนตาย จะรับผิดชอบอย่างไร นางธิติมา ตอบกลับมาว่า คงรับผิดชอบไม่ได้ คงต้องติดคุก ขณะนี้คงทำได้เพียงให้นายโออยู่ในสายตาให้มากที่สุด

ทีมข่าวลองพูดคุยกับนายโอ ทราบชื่อจริงภายหลังคือ นายโอภาส ไทยบริรักษ์ อายุ 32 ปี โดยเท่าที่ทีมข่าวจะจับความได้ นายโอ อ้างว่า ตนจำอะไรไม่ได้เลยว่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค.63 ที่ผ่านมา ตนไปทำอะไรไว้ ตนไม่เคยถืออาวุธไปบริเวณดังกล่าว ตนไม่ได้เดินไปแถวนั้นนานแล้ว ส่วนประเด็นที่ชาวบ้านพูดกันว่า ตนถือมีดเดินไปเดินมานั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ตน น่าจะเป็นคนอื่น ซึ่งน่าจะถูกตำรวจจับไปแล้ว แต่ตนยอมรับว่าในอดีตที่ตนยังเป็นวัยรุ่น ตนเคยเดินถือมีดไปบริเวณดังกล่าว 

สงสัยว่าที่ชาวบ้านไม่ชอบตน เพราะขณะนั้นตนเป็นวัยรุ่น ตนไม่รู้ว่าภรรยาหายไปไหน แต่ตนมีภรรยาหลายคน ตนเคยไปโรงพยาบาล เพื่อไปพบแพทย์ซึ่งให้ยามากินที่บ้าน บอกกับตนว่าเป็นยาแก้ปวดหัว

ทีมข่าวยังได้ไปคุยกับ นายสุเทพ ละมูลมอญ อายุ 46 ปี ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณหน้าซอยเทอดไท 91 บอกว่า นายโอและอาของนายโอ ทั้งคู่เป็นคนสติไม่ดี มีใบรับรองจากโรงพยาบาล ซึ่งไม่กี่วันก่อนที่นายโอจะไปก่อเหตุดังกล่าวนั้น นายโอเพิ่งจะก่อเหตุกระตุกสร้อยทองผู้หญิงที่หน้าซอยเทอดไท 91 จนกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างต้องเข้าไปช่วย โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เอาเรื่องกับนายโอ เพราะเห็นว่าเป็นคนสติไม่ดี

นอกจากนั้น นายโอยังเคยก่อเหตุเขวี้ยงปาขวดแก้วออกมาจากบ้านพัก ทำให้ชาวบ้านแตกตื่น ขณะนี้ชาวบ้านในซอยเทอดไท 91 กลัวนายโอกันทุกคน ต้องคอยระวังตัวเอง ต้องคอยเดินให้ห่างจากบ้านของนายโอ