แม่หนุ่มฆ่าเมียฝังดิน 5 ปี แฉถูกซ้อม เคยตบเมียเก่าท้อง ลั่นปล่อยตามกรรม แม่ยายยันไม่อภัย (คลิป)

1 เม.ย. 63

จากกรณี พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้รับร้องเรียนว่ามีพ่อใจโหดทุบตีลูกสาววัย 9 ขวบ บังคับขู่เข็ญให้เร่ขายผลไม้ให้กับนักท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมนายเลิศศักดิ์ มีแก้ว อายุ 49 ปี ในข้อหาค้ามนุษย์ 

108436

แต่เด็กหญิงวัย 9 ขวบแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า นางสมนึก สุกกล้า อายุ 30 ปี ผู้เป็นแม่ถูกนายเลิศศักดิ์ ฝังไว้ในสุสานนานกว่า 5 ปี ปรากฏว่าหลุมแรกขุดลึก 5 ซม. ไม่พบสิ่งใด ส่วนหลุมที่ 2 ขุดลึก 2 เมตรก็ไม่พบอะไร กระทั่งไปพบโครงกระดูกและเสื้อผ้าในหลุมที่ 3 ลึก 20 ซม. ก่อนนำไปตรวจดีเอ็นเอว่าเป็นของนางสมนึก จริงหรือไม่

751874

ล่าสุดวันที่ 1 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณสุสานสว่างผล ต.ห้วยกะปิ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี โดยจุดที่พบโครงกระดูกเป็นพื้นที่โล่งที่อยู่ติดถนนใหญ่ ด้านข้างเป็นต้นไม้ปกคลุม

552859

จากสอบถามนายนิคม กาซัน อายุ 49 ปี ผู้ดูแลฮวงซุ้ย กล่าวว่า จุดที่ขุดพบโครงกระดูกเป็นพื้นที่ของนายตำรวจรายหนึ่งไม่ใช่พื้นที่ของสุสาน ในสมัยก่อนบริเวณดังกล่าวเป็นป่าหญ้าค่อนข้างรกร้าง จึงไม่ค่อยมีใครผ่านเข้าไปหรือให้ความสนใจ ทั้งนี้ตนไม่เคยทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะปกติทำงานอยู่แต่ในฮวงซุ้ย ไม่ได้ออกมาดูด้านนอก แต่ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาปลูกเพิงพัก ไม่มั่นใจว่าเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นหน้า ซึ่งครอบครัวดังกล่าวอยู่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ที่ให้ไปอยู่ที่อื่น

cg

กระทั่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะนั้นตนได้กลิ่นเหม็นคล้ายศพเน่า และพยายามเดินหากลิ่น แต่ก็ไม่พบว่ามาจากบริเวณใด ซึ่งขณะนั้นก็ยังเดินไปไม่ถึงจุดที่ศพถูกฝังไว้ เพราะเห็นว่าเป็นป่ารกทืบ จากนั้นช่วงกลางคืนหลังดื่มเหล้ากับเพื่อน ได้ไปนั่งตกปลาที่บ่อน้ำในสุสาน ห่างจากจุดฝังศพ 50 เมตร เพื่อนก็ทักว่าเห็นผู้หญิงอยู่ด้านหลังตน ทั้งที่ไม่มีใคร ซึ่งตนก็คิดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะมาบอกอะไรบางอย่าง 

776571

ทีมข่าวเดินทางไปยัง อ.พนัสนิคม พูดคุยกับนางวิจิตร มีแก้ว อายุ 63 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ได้เจอลูกสาวครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว โดยขณะนั้นลูกทำงานอยู่ใกล้บ้าน กระทั่งวานนี้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าลูกสาวถูกฆ่าฝังดินอยู่ภายในสุสาน พื้นที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ

201694

โดยตนได้เจอนายเลิศศักดิ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้ามาขอโทษ และยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวก่อนนำมาฝังไว้ อ้างว่าลูกสาวตนแอบไปหาผู้ชายคนอื่น ซึ่งตนไม่สามารถให้อภัยลูกเขยได้ เพราะลงมือก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม ส่วนตัวเชื่อว่ากระดูกที่พบเป็นของลูกสาว มีทั้งกะโหลกศีรษะ กระดูกช่วงแขน กระดูกหน้าแข้ง กระดูกลำตัวห่อด้วยผ้าเช็ดตัว และมั่นใจว่านายเลิศศักดิ์ เป็นคนทำให้เสียชีวิต เพราะที่ผ่านมาลูกสาวเคยเล่าให้ฟังว่า ถูกนายเลิศศักดิ์ ทำร้ายทุบตี

cg2

ทั้งนี้นายเลิศศักดิ์ อ้างว่า เหตุการณ์นี้ตนไม่ได้ฆ่าภรรยา แต่มีอยู่วันหนึ่งภรรยาได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุ เมื่อทราบจึงมาช่วยเหลือภรรยา โดยการอุ้มไปพักที่บ้าน ซึ่งลูกสาวก็เห็นเหตุการณ์ด้วย แต่ภรรยาได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงใช้ผ้าปูที่นอนห่อศพภรรยาไปฝังใกล้สุสานดังกล่าว 

cg3

ส่วนหลานวัย 9 ขวบ ตนยังไม่ได้เจอหน้า แต่ทราบว่าหลานเป็นคนแจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าหลานน่าจะเห็นช่วงที่พ่อเลี้ยงทำร้ายแม่

817319

อย่างไรก็ตามข้อหาที่นายเลิศศักดิ์ ต้องถูกดำเนินคดี ได้แก่ ค้ามนุษย์ เนื่องจากบังคับลูกเลี้ยงขายพวงมาลัย ส่วนข้อหาฆ่าและซ่อนเร้นอำพรางศพ ยังอยู่ระหว่างการตรวจดีเอ็นเอจากระดูก 

113560

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางส้ม (นามสมมุติ) แม่ของนายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ลูกชายออกจากบ้านไปเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ลูกชายทะเลาะกับอดีตภรรยาซึ่งท้องแก่ เมื่อตนเข้าไปห้าม ลูกชายกลับต่อยศีรษะตนแตกต้องเย็บ 7 เข็ม จากนั้นตนจึงไล่ให้อีกฝ่ายออกจากบ้าน ซึ่งเจ้าตัวก็หายไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาอีกรอบ ส่วนข่าวที่ออกมาว่าลูกชายฆ่านางสมนึก ภรรยาใหม่นั้น ตนไม่เคยทราบมาก่อน และไม่เคยรู้ว่าลูกชายไปคบหากับนางสมนึกซึ่งเป็นญาติกัน

371207

แต่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว แม่ของนางสมนึก เคยมาถามหาลูกสาว อ้างว่านายเลิศศักดิ์ เป็นคนพาตัวไป แต่ตนไม่รู้เรื่องและไม่ได้สนใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนนิสัยไม่ดี ทั้งโมโหร้าย และขี้เกียจทำงาน ชอบให้คนอื่นทำงานหาเลี้ยง ซึ่งนายเลิศศักดิ์ก็น่าจะบังคับให้ลูกเลี้ยงไปเร่ขายดอกไม้จริงตามข่าวที่ออกมา

แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าลูกชายจะกล้าถึงขั้นฆ่าภรรยาตัวเองหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่รุนแรงขนาดนั้น ซึ่งหากลูกชายทำจริงตนก็ไม่ปกป้องปล่อยให้รับกรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส