กรณีชายวัย 57 เสียชีวิตบรถไฟ และมีการตรวจพบภายหลังว่ามีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน และมีเชื้อโควิด19 ได้รับการเปิดเผยว่าชายคนดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศปากีสถาน โดยซื้อตั๋วรถไฟเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 29 มี.ค. ที่สถานีบางซื่อ เพื่อเดินทางไปยังอ.สุไหงโกลก กัลขบวนรถไฟวันที่ 30 มี.ค. โดยสารตู้ที่ 4
ต่อมาเมื่อรถไฟถึงสถานีหัวหินพบว่าชายคนดังกล่าวมีอาการไม่สบาย และอาเจียน เจ้าหน้าที่รถไฟจึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิได้ 36 องศา ซึงไม่มีไข้ เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้พักการเดินทาง แต่ผู้โดยสารยืนยันที่จะเดินทางต่อ
จนเมื่อรถไฟวิ่งไปถึงบริเวณ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารคนดังกล่าวลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ได้ล้มลงและเสียชีวิตบริเวณหน้าห้องน้ำบนรถไฟในที่สุด
ทั้งนี้ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีผู้ป่วยชาวมุสลิม ที่เสียชีวิต 1 ราย บนรถไฟขบวนรถด่วนที่ 37 บางซื่อ - สุไหง โกลก โบกี้ที่ 4 เลขที่นั่ง 28 เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 31 มีนาคม คือ นายอนันต์ สาเหาะ อายุ 57 ปี ชาว จ.นราธิวาส ซึ่งเดินทางกลับจากทำธุรกิจที่ประเทศปากีสถานซึ่งเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 และเดินทางต่อที่สถานีรถไฟบางซื่อ กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ระหว่างเดินทางถึงสถานีรถไฟหัวหิน มีอาการเป็นลม เพื่อสอบประวัติพบว่าเป็นโรคเบาหวาน กระทั่งนายสถานีมาพบอีกครั้ง ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วเมื่อถึงสถานีรถไฟทับสะแก จึงแจ้งโรงพยาบาลเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 30 มีนาคม ทางทีมโรงพยาบาลทับสะแก ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่าง สารคัดหลั่งในโพรงจมูก ตรวจหาเชื้อโควิด19 จากนั้นนำร่างของผู้เสียชีวิตใส่ถุงซิปล็อค 3 ชั้น ก่อนจะประสานภรรยาที่ จ.นราธิวาส เพื่อดำเนินการต่อตามประกาศที่ท่านจุฬาราชมนตรีได้ประกาศว่า ให้ดำเนินการป้องกันการติดเชื้อโควิดสำหรับผู้เสียชีวิตที่สงสัยว่าติดเชื้อ ซึ่งทางญาติตัดสินใจประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยนำร่างฝังที่ อ.ทับสะแก โดยขุดหลุมฝัง 2 เมตร มีการโรยปูนขาวหนึ่งครั้งก่อนนำร่างมาไว้กลบหลุมแล้วโรยปูนขาวอีกชั้น แล้วจึงกลบด้วยดินสูง 2 เมตร เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 นั้น
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวอย่างทั้งหมดเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด19 ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่วานนี้
