จากกรณีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวพร้อมภาพศพของหลานที่กำลังทำพิธีฝังกลบ ซึ่งระบุข้อความเล่าถึงหลานวัย 4 เดือนว่า เสียชีวิตหลังจากที่พ่อแม่หลานนำไปจ้างพี่เลี้ยงให้เลี้ยงดูไว้ สิ่งที่สลดใจคือในวันที่ญาติจะไปรับเด็กกลับบ้าน มีสายโทรศัพท์จากพี่เลี้ยงโทรมาบอกว่าเด็กไม่หายใจแล้ว เนื่องจากสำลักอาหาร ญาติติดใจสาเหตุการตาย ได้ส่งศพชันสูตร ผลออกมาว่าเด็กกะโหลกศีรษะยุบ จากการโดนของแข็งกระแทก จึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เอาผิดพี่เลี้ยง จนพี่เลี้ยงรับสารภาพว่าไกวเปลจนเด็กตกเปลนั้น
วันที่ 29 มี.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ทราบว่าเด็กชายวัย 4 เดือนที่เสียชีวิตชื่อเด็กชายเฟี๊ยส
นางอัญชลี ทองสมบัติ อายุ 39 ปี แม่ของน้องเฟี๊ยส เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนเองจำเป็นต้องหาพี่เลี้ยง เนื่องจากตนทำงานที่ จ.สระบุรี ส่วนสามีต้องคอยช่วยงาน และดูแลแม่ที่ขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ จึงไม่สามารถดูแลลูกชายเองได้ ตนเองเพิ่งส่งให้พี่เลี้ยงเลี้ยงลูก เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 63 และลูกเสียชีวิตวันที่ 26 มี.ค. 63 รวม 23 วัน ขณะนั้นพี่เลี้ยงโกหกตนด้วยว่าอายุ 23 ปี และตนมารู้ความจริงว่าพี่เลี้ยงอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
เหตุการณ์เริ่มจากช่วงต้นเดือน มี.ค. 63 ตนเองกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก โพสต์หาตามเพจเฟซบุ๊ก เจอนางสาวแพรอาสาจะรับจ้างเป็นพี่เลี้ยงให้ เจ้าตัวบอกว่าก็มีลูกเหมือนกัน และเคยเลี้ยงหลานมาจนโตแล้ว ทำให้ตนเองเชื่อใจ ตนเดินทางไปที่บ้านนางสาวแพร มีความเป็นส่วนตัว ไม่มีคนวุ่นวายมากนัก ที่บ้านมีลูกน้อยอยู่ด้วย สามีของนางสาวแพรช่วยเลี้ยงเด็ก จากนั้น ตนตัดสินใจให้นางสาวแพรเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชาย จ่ายค่าเลี้ยงดูเดือนละ 6,000 บาท
โดยในทุก ๆ วัน ตนก็ทักเฟซบุ๊กและโทรไปถามไถ่ว่าลูกชายเป็นอย่างไร นางสาวแพรก็บอว่ากไม่มีอะไรน่าห่วง และส่งรูปชายมาให้ตนดูตลอด ตนจึงวางใจ กระทั่งวันที่ 13 มี.ค. 63 นางสาวแพรโทรศัพท์มาบอกตนว่าลูกชายไม่สบาย เป็นไข้ และขอเงินเป็นค่าใช้จ่ายพาลูกชายไปรักษา ตนก็โอนเงินให้ 500 บาท
ต่อมาจนถึงวันที่ 22 มี.ค. 63 ตนให้สามีไปดูลูกที่บ้านพี่เลี้ยง สามีบอกว่าลูกชายดูซูบผอม มีสีหน้าแววตาไม่ค่อยตอบสนอง จากนั้น วันที่ 26 มี.ค. 63 ตนเดินทางกลับมาที่บ้าน อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เพื่อจะไปหาลูก แต่แฟนของนางสาวแพรโทรมาบอกว่าไม่ต้องมาหาลูกชายที่บ้านแล้ว ให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาล เพราะลูกตนไม่หายใจแล้ว กำลังพาไปโรงพยาบาล
หลังจากนั้น ตนรีบเดินทางไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าลูกชายหยุดหายใจไปประมาณ 10 นาทีแล้ว จากการสอบถามพี่เลี้ยง 2 ผัวเมียที่เลี้ยงลูกชายตน อ้างว่าขณะป้อนข้าว ลูกตนสำลักข้าว ตนเองไม่เชื่อจึงส่งศพลูกชายไปส่งให้นิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมเกียรติ ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งวันที่ 27 มี.ค. 63 ผลชันสูตรศพเบื้องต้น แพทย์วินิจฉัยว่าลูกตนอาจจะเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และกะโหลกศีรษะยุบจากการถูกของแข็งกระแทก ตนเองจึงไปแจ้งความทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบปากคำพี่เลี้ยง นายภูมิ สามีนางสาวแพร ให้การสารภาพว่าขณะที่แกว่งเปลอยู่ ได้ทำลูกชายตนหลุดจากเปล ศีรษะกระแทกพื้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และจะมีการสอบสวนต่ออย่างละเอียด ตอนนี้ตนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายจักรพรรดิ หรือ ภูมิ อายุ 24 ปี สามีของพี่เลี้ยงเด็ก เปิดเผยว่า ตอนนั้นน้องเฟี๊ยสนอนหลับอยู่ จึงปลุกน้องมาป้อนข้าว ป้อนคำเล็ก ๆ ด้วยช้อนกาแฟได้ 3-4 ช้อน น้องทำท่าเหมือนจะหลับ จึงหยุดป้อน แล้ววางน้องลงกับพื้น เตรียมเสื้อผ้าจะอาบน้ำให้น้อง จะได้นอนสบาย ๆ หันกลับมาน้องหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนแน่นิ่งไป ตนจึงวิ่งเข้าไปดู ตัวน้องอ่อนจึงก้มไปฟังเสียงหัวใจ ยังมีเสียงหัวใจเต้น จึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์นำตัวน้องไปส่งโรงพยาบาล
ระหว่างทางผ่าน กลัวว่าจะช่วยไม่ทัน จึงแวะเข้าไปอนามัยที่ใกล้ที่สุด และบอกหมอว่าน้องไม่หายใจ แต่มีชีพจรอยู่ หมอจึงรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 หลังจากนั้นทางโรงพยบาลโทรมาถามอาการจึงบอกว่าเล็บน้องเริ่มเขียวซีด ทางโรงพยาบาลบอกว่าให้ทำซีพีอาร์ให้น้อง โดยเจ้าหน้าที่อนามัยทำซีพีอาร์ ซึ่งชีพจรเริ่มเบาลง ก่อนที่รถโรงพยาบาลจะมารับ และหมอบอกว่าน้องเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
"สำหรับเรื่องที่สังคมโซเชียลกำลังวิจารณ์ อยากบอกคนที่มาโพสต์ต่อว่า ไม่ได้เสียใจแบบที่ตนเองรู้สึก แค่กำลังสนุกกับความทุกข์ของคนอื่น อยากให้ใช้สมองคิดสักนิด ก่อนที่จะโพสต์"
นายจักรพรรดิ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ฆ่าน้อง ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนเองยังเดินเรื่องหาวัดขุดหลุมศพด้วยตัวเอง เพราะถ้าฆ่าตนเองคงหนีไปแล้ว ตนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเลี้ยงน้องมาพร้อม ๆ กับลูกวัย 5 เดือนของตนเอง ตนจะรับผิดชอบเท่าที่จะช่วยได้
