กรณีครอบครัวของ 1 ในผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นชายวัย 45 ปี ได้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และทำพิธีเผาศพไปเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดผลการตรวจโควิด-19 ของภรรยาและลูกสาวออกมาปรากฎว่าทั้งคู่ติดเชื้อโควิด-19
ล่าสุดวันที่ 26 มี.ค.63 ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามกับภรรยาของผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ซึ่งล่าสุดเพิ่งพบว่าตัวเองและลูกอีก 2 คน ผลตรวจออกมาเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 และเพิ่งจะทราบเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 มี.ค.63
ภรรยาผู้เสียชีวิต ระบุว่า ขณะนี้ตนต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยพักห้องพักรวม 5 คน ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นห้องพัดลม อากาศค่อนข้างร้อน สำหรับอาการของตนนั้น พบว่าไซนัสอักเสบ มีน้ำมูกคล้ายอาการหวัด ส่วนการตรวจปอดยังปกติ ตอนนี้ไม่ได้มีอะไรน่ากังวล แต่ตนและลูกอีก 2 คน ก็จะต้องรักษาตามอาการ เพราะครอบครัวไม่ประสงค์ที่จะรับยาที่แพทย์ใช้ในการรักษา ก็คือยาต้านไวรัส HIV กับยารักษาผู้ป่วยไข้มาลาเรีย
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะรู้ว่าติดเชื้อโควิด-19 ตนก็ดูแลตัวมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมสามีแล้วเดินทางกลับบ้านก็จะอาบน้ำทันที ส่วนเสื้อผ้าก็จะถอดซักทันที ซึ่งระหว่างรอผลตรวจนั้นก็ยังคิดในใจว่า คงจะไม่ติดเชื้อ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยสัมผัสสารคัดหลั่งของสามี แต่อาจจะเลี่ยงไม่ได้เพราะอยู่บ้านเดียวกัน
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ หลังจากที่ภรรยาและลูกสาว เผาศพผู้เป็นสามีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการสอบถามพระสงฆ์ แจ้งให้ทีมข่าวฟังว่าขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์ และถ่ายภาพ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ และไม่ได้เป็นกังวลอะไร เนื่องจากขณะนั่งสวดอภิธรรมศพ ระยะห่างจากเก้าอี้ของครอบครัวผู้เสียชีวิต ห่างกันมากกว่า 2 เมตร
นายหวัน เกตุแก้ว อายุ 60 ปี สัปเหร่อของวัดดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวว่าภรรยาและลูกของผู้เสียชีวิตติดเชื้อโควิด-19 ด้วย ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะตนไม่ได้สัมผัสตัวครอบครัวของผู้เสียชีวิต และไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน
สำหรับพระสงฆ์ 4 รูปที่มาสวดอภิธรรมศพนั้น ก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน เนื่องจากทุกรูปนั่งบนแท่นสวดพระอภิธรรมห่างกับครอบครัวผู้เสียชีวิต 1-2 เมตร และการยื่นซองปัจจัยก็ไม่ได้สัมผัสมือกัน เพราะวางไว้บนแท่นสวด ซึ่งตนยืนยันว่าคนในวัดไม่ได้กังวลอะไร อีกทั้งคนที่มาร่วมงานก็ไม่ได้มีมาก เพียง 10 กว่าคนเท่านั้น และทุกคนต่างนั่งห่างกัน อีกทั้งศาลาสวดศพก็ไม่ได้ปิดทึบ แต่เปิดหน้าต่างทุกบาน ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก จึงไม่ต้องกังวลอะไร
นายหวัน กล่าวอีกว่า ส่วนครอบครัวตนนั้น หลังจากทราบเรื่อง ตนยอมรับว่าทางครอบครัวค่อนข้างกังวลเล็กน้อย แต่ยังเชื่อใจว่าคงไม่มีอะไร เพียงแต่ช่วงนี้ทางครอบครัวขอให้ตนอยู่ห่างจากหลานซึ่งเป็นเด็กเล็กที่บ้านไปก่อน ตนมั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้อแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะบอกคนที่เป็นห่วงตนและพระสงฆ์ว่า ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วง เพราะตนป้องกันแล้ว แต่ก็ต้องดูแลตัวเองต่อไปหลังจากนี้ ในระหว่างวันก็จะหมั่นล้างมือให่บ่อย 4-5 รอบ/วัน เบื้องต้นอาการตนก็ยังปกติไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต
