จากกรณี วันที่ 23 มี.ค.63 นายธง ก๋ามะละคร อายุ 48 ปี ร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ตรวจสอบคดีที่ นายธีรชาติ ก๋ามะละคร หรือ “น้องอาร์ม” อายุ 16 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้น ม.4 ซึ่งถูก นายนิวัฒน์ เทพแก้ว อายุ 30 ปี ทำร้าย
โดยการใช้มีดฟัน ที่แขนขวา 5 แผล เส้นเอ็นขาดทั้งหมด กระดูกร้าว นิ้วก้อยและนิ้วโป้ง ไม่สามารถใช้การได้ตามปกติ และแขนซ้าย 1 แผล และศีรษะอีก 4 แผล เหตุเกิดวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเปล โดยขณะนี้คนเจ็บพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
นายธง บอกว่า ตัวเองและภรรยามีอาชีพติดตั้งผ้าม่าน ในช่วงปิดเทอมประกอบกับช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด จึงพาลูกชายหนีเชื้อโรค มาพักที่บ้านยายที่บ้านดงเย็น อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กระทั่งเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกชาย
โดยประมาณช่วงเที่ยงวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายถูก นายต้อง หรือนาย นิวัฒน์ เทพแก้ว ชาวบ้านอยู่ใกล้กัน ทำร้ายด้วยมีด ขณะลูกชายนอนเล่นในเปลที่แขวนอยู่หน้าบ้าน ส่วนคนลงมือได้หลบหนีไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำพองตามควบคุมตัวเอาไว้ได้ และนำตัวมาควบคุมไว้ที่ห้องขัง สภ.น้ำพอง
โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถดำเนินคดี หรือแจ้งข้อหากับคนก่อเหตุได้ เนื่องจากยังไม่มีการสอบสวนลูกชาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ยังเป็นเยาวชน เพราะการสอบสวนผู้เสียหายที่เป็นเยาวชน ต้องสอบสวนต่อหน้าทีมสหวิชาชีพที่มีอัยการร่วมสอบสวนด้วย
ส่วนคนก่อเหตุตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวได้เพียง 48 ชม. แต่ก็ต้องปล่อยตัวไปก่อน จึงเกรงว่าหากปล่อยตัวคนก่อเหตุออกจากห้องควบคุม การดำเนินคดีในทางกฎหมายจะยากขึ้น เพราะทางครอบครัวต้องการให้ตำรวจมีการสืบสวนสืบสวน เอาผิดกับคนลงมือก่อเหตุตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
มีรายงานว่า สืบเนื่องจาก (วานนี้ 22 มี.ค.) หลังเกิดเหตุตำรวจได้ควบคุมตัวนายนิวัฒน์ เทพแก้ว คนก่อเหตุ มาดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ในคดีทำร้ายน้องอาร์ม ก่อนนำตัวไปคุมขังร่วมกับพลทหาร กฤษณรงค์ ศรีพุทธา หรือโบ๊ต อายุ 22 ปี ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนญาติต้องขอให้ตำรวจคุมตัวไปสงบสติ แต่พลทหาร กฤษณรงค์ กลับถูกนายนิวัฒน์ ทำร้ายจนเสียชีวิต ภายในห้องขัง
ด้าน นายทองอินทร์ อันอาสา 70 ปี ซึ่งเป็นตาของน้องอาร์ม คนเจ็บ บอกว่า ขณะเกิดเหตุ ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายลั่นอยู่ถนนหน้าบ้าน จึงออกมาดูพบน้องอาร์มซึ่งทีแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อยู่ในสภาพเลือดอาบทั้งตัว จึงวิ่งเข้าไปดูกระทั่งทราบว่าเป็นหลานตัวเอง ตนจึงประคองน้องอาร์มขึ้นมากระทั่งมีชาวบ้านเข้ามาช่วยอีกแรง ซึ่งเป็นพ่อกับแม่ของผู้ก่อเหตุพาไปส่งโรงพยาบาลทันที
ซึ่งในระหว่างที่เข้าช่วยเหลือน้องอาร์มนั้น น้องอาร์มยังมีสติพูดคุยรู้เรื่อง โดยบอกว่า นายนายนิวัฒน์ เดินมาที่บ้าน ขณะน้องอาร์มนอนอยู่บนเปลหน้าบ้าน แล้วถามหาน้าชาย พอน้องอาร์มบอกน้าชายไม่อยู่ นายนิวัฒน์ก็ลงมือฟันไม่ยั้ง
ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ช่วยพ่อแม่ทำงานดี กระทั่งมาเสียคนเพราะยาบ้า โดยนายต้องได้สารภาพกับแม่ตัวเองว่าติดยาบ้าอยากจะเลิกและในวันเกิดเหตุนั้นได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ 8 เม็ดแล้วเกิดอาการหลอนก่อเหตุขึ้น
ส่วน นายอภิวัฒน์ เทพแก้ว น้องชายผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนไม่ค่อยสนิทกับพี่ชาย เพราะตัวเองเป็นคนช่วยเหลือตัวเอง หาเงินส่งตัวเองเรียน จึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ 2-3 เดือน จึงไม่ค่อยทราบเรื่องของพี่ชาย เพราะต่างคนต่างอยู่
กระทั่งวันเกิดเหตุ ขณะกำลังสีข้าวอยู่ในโรงสี ช่วงสายเห็นพี่ชายเดินมาพร้อมแม่ในสภาพเลือดท่วมตัว แต่ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นพี่ชายก็เดินหนีไป จนมาทราบทีหลังว่าพี่ชายไป ก่อเหตุทำร้ายน้องอาร์ม จนบาดเจ็บสาหัส
ช่วงค่ำวันเดียวกันพี่ชายก็ถูกตำรวจจับ และคุมขังที่ สภ.น้ำพอง มีเพียงพ่อกับแม่ไปเยี่ยม จากนั้นก็ทราบข่าวพี่ชาย ทำร้ายผู้ต้องขังในห้องขังเดียวกันจนตาย
นอกจากนี้ น.ส.ชนัญญา ญาติพลทหาร กฤษณรงค์ ผู้เสียชีวิต บอกว่า ล่าสุดน้องชายเดินทางมาบ้าน เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ย่าและวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา น้องทะเลาะกับญาติพี่น้องในหมู่บ้าน จึงได้แจ้งตำรวจมาควบคุมตัวน้องไปคุมขัง เพื่อสงบสติอารมณ์ในห้องขัง
ต่อมาเที่ยงวันที่ 22 มี.ค. ได้ซื้อขนม น้ำ ไปเยี่ยมน้องที่โรงพัก ก็พบสิบเวรเข้าเวรยามตามปกติและเข้าเยี่ยมน้อง ซึ่งพบน้องอยู่ในห้องขังร่วมกับผู้ต้องขังอีกคน ซึ่งก็เห็นผู้ต้องขังอีกคนมีอาการแปล กๆ สีหน้านิ่งเฉย และยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนเล่นยาเสพติด และขณะนั้นน้องบอกว่าหิวข้าว จึงออกไปซื้อข้าวมาให้น้องกิน และนำไปให้สิบเวรเอาเข้าไปให้น้องในห้องขัง น้องก็ได้แบ่งข้าวให้ผู้ต้องขังอีกคนกินด้วย
หลังจากเยี่ยมเสร็จเมื่อเดินทางถึงบ้านก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่า น้องชายถูกผู้ต้องขังอีกคนซ้อมตาย จึงรีบไปดูเห็นน้องนอนจมกองเลือดเสียชีวิตในห้องส้วมในห้องขัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เข้าไปนำศพน้องออกมา พบว่ามีร่องรอยถูกทำร้ายจนร่างกายน่วม เขียวช้ำทั้งตัว
ด้าน นางพูลศิลป์ ศรีพุทธา อายุ 51 ปี ป้าพลทหาร กฤษณรงค์ บอกว่า หลังจากได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิบเวรและตำรวจ สภ.น้ำพอง ทราบว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่สิบเวรนั่งอยู่อีกฟากของห้องขัง ซึ่งอยู่ในส่วนที่เป็นกระจก จึงไม่ได้ยินเสียง ซึ่งเมื่อตำรวจดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า ขณะที่หลานชายนั่งกินข้าว ผู้ต้องหาอีกคนเดินเข้าไปเตะเสยปลายคางจนหงายและสลบคาที่ แล้วก็กระทืบซ้ำจนแน่นิ่ง และหามร่างหลานชายโยนไปไว้ที่ส้วมในห้องขัง
เบื้องต้น ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา หลังจากก่อเหตุทำร้ายน้องอาร์ม เด็กนักเรียนชั้น ม.4
