นักศึกษาหนุ่มวิศวะปี 3 ม.ดัง ซิ่งเก๋งชนท้ายรถตู้ทึบจอดรอสัญญานไฟดับคาที่ กระแทกอีก 3 คัน มีคนบาดเจ็บเพิ่ม 2
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 67 ร.ต.อ.สริพงษ์ อภิวัน รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้รับแจ้งเหตุ มีรถชนกันหลายคัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตติดภายในยานพาหนะ
เหตุเกิดบริเวณไฟแดงมอเตอร์เวย์คลองห้า ถ.รังสิต-นครนายก ขาเข้ารังสิต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอุปกรณ์ตัด-ถ่าง
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถเก๋ง สีบลอนด์ หมายเลขทะเบียน วข 3758 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ชนท้ายรถกระบะตู้ทึบส่งน้ำแข็งสีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒณ 5379 กรุงเทพมหานคร ก่อนไปกระชนท้ายรถกระบะสีดำหมายเลขทะเบียน บว 3828 สระบุรี แล้วก็ไปชนกับรถเก๋งสีขาว หมายเลขทะเบียน ฎบ 6743 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ส่งโรงพยาบาลบางปะกอกรังสิต 2 นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถเก๋ง สีบลอนด์
ทราบชื่อต่อมาว่า นายสุพีรจักขณ์ สุวรรณทา อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ช่วยกันนำอุปกรณ์ตัด-ถ่างช่วยกันงัดร่างผู้เสียชีวิตออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถนำร่างออกมาได้
จากการสอบถาม นายเสกสรรค์ คำวงษ์ อายุ 29 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขับรถกระบะตู้ทึบส่งน้ำแข็ง จอดรอไฟแดง เพื่อกลับบ้านไปหาแฟนย่านคลองหก ขณะจอดติดไฟแดงนั้น จู่ๆ ก็มีรถเก๋งพุ่งเข้ามาชนท้ายรถตนเองอย่างจัง ก่อนที่จะไปกระแทกคันหน้า แล้วไปพุ่งคนกับแบริเออร์กลางถนน ส่วนตนเองหน้าไปกระเเทกกับกระจกหน้าจนปากแตก และหน้าอกกระแทก
ด้าน ร.ต.อ.สริพงษ์ อภิวัน รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี กล่าวว่า จากคำให้การของพยาน ให้การว่ารถเก๋งของผู้ตายวิ่งเข้ามาชนท้ายรถกระบะตู้ทึบของนายเสกสรรค์ ก่อนที่รถนายเสกสรรค์จะไปชนกับรถกระบะของ นายเจษฎา เกตุแก้ว อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงคลองหลวง และไปกระแทกรถเก๋งจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ซึ่งในเบื้องต้นได้ให้รถยกมาทำการยกรถที่ได้รับความเสียหาย เพื่อเปิดการจราจร พร้อมทั้งจะได้สอบสวนเจ้าของรถอีก 2 คัน เพื่อประกอบในสำนวน ก่อนจะบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน แล้วได้มอบศพให้มูลนิธิฯนำส่งผ่าพิสูจน์ยังนิติเวชโรงพยาบาล เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป