เงินหมื่นคงหมดแล้ว!แม่เสพยาคลั่ง จำหน้าใครไม่ได้ คว้ามีดไล่ฟันลูกวัย 13 ปี ยายคาดเอาเงินหมื่นกับเงินคนจนไปซื้อยาเสพจนเพี้ยน
วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 11.50 น. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุแม่เสพยาบ้าคลุ้มคลั่งอาละวาดถือมีดไล่ทำร้ายลูกจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง บ.นาเยีย ม.6 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง ด้านหน้ามีเพิงไม้หลังสังกะสีไม่มีรั้วหน้าบ้าน บนบ้านพบน.ส.อ้อม อายุ 32 ปี อยู่ในอาการตื่นตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่เชิญตัวลงมานั่งพูดคุยที่บันไดขึ้นบ้าน ให้การสับสนไปมาอ้างว่าไม่ได้ทำร้ายใคร มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มานอนอยู่ที่เพิงหน้าบ้านแล้วขึ้นไปบนบ้านไปทุบทำลายตู้เสื้อผ้า และทำร้ายตนเอง แต่ยอมรับว่าเสพยาบ้ามาครึ่งเม็ด ซื้อมาเองไม่ได้ไปขโมยใครมา
ระหว่างพูดคุยน.ส.รตี อายุ 51 ปี แม่ของน.ส.อ้อม ได้พาด.ช.โฟกัส อายุ 13 ปี ลูกชายน.ส.อ้อม กลับมาจากทำแผลที่รพ.สต. โดยมีบาดแผลที่ข้อศอก และเข่าด้านซ้าย เนื่องจากหกล้มและมีรอยปูดบวมที่ศีรษะ เนื่องจากถูกท่อนไม้ขว้างใส่
แต่น.ส.อ้อม ชี้บอกตำรวจว่า คนนี้แหละที่ขึ้นไปทำร้ายตน เป็นใครก็ไม่รู้ไม่ใช้ลูกตน” จากนั้นก็โต้เถียงกับแม่และญาติตัวเองเสียงดังเอะอะทำให้นายย่อม อายุ 78 ปี ตาของน.ส.อ้อม เกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เงื้อมือจะตบสั่งสอนหลานสาวที่เสพยาจนเพี้ยน จำใครไม่ได้และทำร้ายลูกตัวเอง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลัวจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย จึงนำตัวน.ส.อ้อม ขึ้นไปค้นบนบ้าน พบกระดาษฟอยล์ทำเป็นอุปกรณ์เสพยาบ้าที่เสพไปแล้วครึ่งเม็ด เหลือเศษอยู่อยู่ครึ่งเม็ด จึงตรวจยึดพร้อมมีดพร้ายาวประมาณ 50 ซม. 2 เล่ม ขึ้นรถกระบะตราโล่ไปทำการสอบสวนที่โรงพัก ท่ามกลางเสียงกร่นด่า และวิจารณ์ของญาติและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากด.ช.โฟกัส วิ่งหนีไม่ทัน อาจจะเกิดเหตุรุนแรงสูญเสียชีวิตก็เป็นได้
ด.ช.โฟกัส เล่าว่า ขณะขึ้นไปบนบ้านจะไปเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาจากแม่ แม่ก็โมโหดุด่า ใช้มือบีบคอ แต่ตนสะบัดหลุดออกมาจากแม่ได้ก็วิ่งลงมาจากบนบ้าน แม่ก็วิ่งตามมาคว้าไม้ขว้างใส่หัวตนโดนอย่างจังไป 1 ครั้ง แม่ยังไม่หยุดเท่านั้นได้ไปคว้าเอามีดพร้ามา 2 เล่ม แล้ววิ่งปรี่เข้ามาจะทำร้ายซ้ำอีก ตนจึงวิ่งหนีตายไปที่วัดใกล้บ้านห่างไปประมาณ 50 เมตร จนล้มลงที่พื้นได้รับบาดเจ็บตอนนั้นมีผู้ใหญ่คนอื่นอยู่ในวัดมาเห็น จึงเข้ามาให้การช่วยเหลือ
แต่ด.ช.โฟกัส ยังบอกอีกว่า “แม่ทำร้ายบ่อยมาก แต่ผมก็ยังรักแม่เหมือนเดิมอยากให้แม่หายจากอาการนี้”
ขณะที่ น.ส.รตี แม่ของน.ส.อ้อม เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่เห็นออกไปทำธุระนอกบ้าน มีชาวบ้านโทรบอก จึงรีบกลับมาดูหลานเมื่อเห็นหลานมีแผล ก็รีบพาไปทำแผล เพราะหลานมีโรคประจำตัวเป็นโรคทารัสซีเมียเลือดน้อย เลือดจาง กลัวจะเป็นอันตรายมากหลานต้องเปลี่ยนเลือดอยู่เป็นประจำ ไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องมาเจอแม่คลั่งทำร้ายอยู่ตลอด สงสารหลานมากที่ต้องมาเจอแบบนี้
แม่ของ น.ส.อ้อม ยังบอกอีกว่า น.ส.อ้อม ติดยาไม่ช่วยทำมาหากินอะไร ซ้ำยังทิ้งลูก 3 คน ให้ตนเลี้ยง คนโตเป็นผู้หญิง 14 ปี คนกลางคือด.ช.โฟกัส และคนเล็กเป็นผู้ชาย 5 ขวบ
“ที่ผ่านมาต้องอยู่อย่างหวาดผวาเคยเอาน.ส.อ้อม ไปรักษาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน ออกมาก็กลับมาเสพอีก เป็นแบบนี้มา 10 ปีแล้วต้องหนีลงมาปลูกเพิงอยู่หน้าบ้าน เป็นห่วงหลานมากกลัวจะถูกแม่ฆ่าตายสักวัน แม้แต่ตัวแม่เองก็ไม่ปลอดภัย ปกติจะให้เงินน.ส.อ้อมวันละ20–40บาท เพื่อซื้อข้าวซื้อน้ำ แต่ก็เอาซื้อยาเสพทุกครั้งและสิ้นเดือนที่ผ่านมาน.ส.อ้อม ได้เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ตนเก็บไว้3พันบาทให้ญาติ 1 พันบาท แต่น.ส.อ้อม เก็บไว้ 6 พัน แต่คิดว่าคงไม่เหลือแล้ว คงซื้อยามาเสพหมดแล้วเสพหนัก จนจำใครไม่ได้”
นายย่อม ตาน.ส.อ้อมเล่าด้วยความโมโหว่า เขาทำร้ายลูกประจำโดยเฉพาะด.ช.โฟกัส เพราะด.ช.โฟกัส รักแม่มาก ชอบอยู่กับแม่แต่ก็ถูกทำร้ายประจำ เสียใจมากที่หลานเป็นแบบนี้ เขาจำใครไม่ได้เลยพูดจาเพ้อเจ้อ อารมณ์ร้าย เงินหมื่นดิจิทัลที่ได้มาคิดว่าคงเอาไปเสพยาหมดแล้ว เพราะวันแรกที่ได้ก็เห็นเอาไปซื้อยาทันที 1 พันบาท เช้าวันนี้เงินคนจนออก 300 บาทก็เอาไปซื้อมาเสพอีก อยากให้เอาไปบำบัดรักษาให้หายขาด เพราะยังเป็นแบบนี้ด.ช.โฟกัส หรือญาติคนอื่นคงต้องได้รับบาดเจ็บหนักอาจถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้
เบื้องต้นตำรวจจะทำการตรวจปัสสาวะน.ส.อ้อม เพื่อหาสารเสพติดและรอให้ญาติไปพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง หากประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกายลูกชายตัวเองซึ่งจะได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป