เปิดใจ 2 โชเฟอร์บัสคันที่ 1 และ 3 ขับนำหน้า-ตามหลัง รถบัสมรณะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ส่วนคันขับตามหลังเห็นอีกทีไฟไหม้ เผยรู้สึกผิดอยากเลิกขับรถ
จากโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั้นน ทีมข่าวอมรินทร์ได้พูดคุยกับ 2 คนขับรถบัส ที่อยู่ในขบวนทัศนศึกษาในวันเกิดเหตุ โดยเป็นการพูดคุยกับคันขับรถบัสคันที่ 1 และคันที่ 3
โดยคนขับรถบัสคันที่ 1 ทางทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายจักร จันทร์นิ่ม เล่าว่าในขณะนั้นตนเองเป็นคันที่ 1 นายจักรขับนำหน้ามาโดยตลอดระยะทาง ซึ่งตนเองไม่รู้ถึงความผิดปกติของรถบัสคันที่ 2 เลย ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จนมีครูรถบัสคันที่ 3 โทรศัพท์หาครูรถบัสคันตนเอง จึงทราบว่าเกิดเรื่องขับรถบัสคันที่ 2 ซึ่งในขณะนั้นตนเองขับไปถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว จึงต้องวนรถกลับมา ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือใครได้แล้วเพราะในขณะนั้นไฟลุกท่วมเต็มคันรถ ซึ่งตนเองถึงกับขาอ่อนทำอะไรไม่ถูกเพราะสงสารเด็กบนรถ ส่วนคนขับรถบัสนั้นตนเองก็ไม่เห็น ว่าอยู่จุดไหนเพราะเหตุการณ์ค่อนข้างชุลมุนมาก ซึ่งตัวคนขับรถบัสคันที่สองนั้นพึ่งมาทำงานได้ไม่นาน
ส่วนเรื่องสภาพของรถบัสนั้น ซึ่งเวลาบริษัทรับงานมากต้องมีการตรวจสอบทั้งลมยางและส่วนต่างๆของรถเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดอยู่แล้วทั้งคนขับเองด้วยพี่ก็ต้องตรวจสอบก่อนที่จะขับออกมารับผู้โดยสาร ยอมรับว่าตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่มากสงสารผู้ปกครอง ที่ต้องสูญเสียบุตรหลานไปจากเหตุการณ์นี้
ขณะที่ นายสานนท์ คนขับรถคันที่ 3 ของบริษัทรถบัส เล่าเหตุการณ์ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าในขณะนั้นตนเองขับรถตามมาทิ้งระยะห่าง จึงไม่เห็นเหตุการณ์ในขณะที่รถบัสคันที่ 2 เกิดอุบัติเหตุชนกับรถเบนซ์ เพราะตอนขณะนั้นรถค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อไปถึงตนเองเห็นว่ารถจอดจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยงัดประตูและพาเด็กลงมาจากรถ แต่ตนเองนั้นช่วยเหลือได้เพียงไม่กี่คน ยังเป็นภาพติดตาตนเอง ที่เห็นเด็กร้องและวิ่งกันชุลมุน ซึ่งในขนาดนั้นตนเองไม่ทันสังเกตุเห็นคนขับรถคันที่สองว่าอยู่ตรงบริเวณจุดไหน เพราะเหตุการณ์ค่อนข้างวุ่นวายมาก และตนเองก็ถูกไฟลวกบริเวณท้ายทอยและศีรษะด้านหลัง พร้อมทั้ง ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองเสียใจมาก รู้สึกผิดจนแทบจะเลิกขับรถบัส เพราะตนเองไม่สามารถช่วยเหลือเด็กๆ บนรถได้ทุกคน