ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง คุณตาแต๋ หรือ นายประเกียบ ขุนแก้ว อายุ 77 ปี ชาวบ้านสะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ที่เคยตายแล้วฟื้น หลังที่จากสูบน้ำเกิดรู้สึกเจ็บที่หน้าอกก่อนจะวูบหมดสติแล้วหัวใจหยุดเต้น โชคดี 2 สาวพลเมืองดี จอดรถช่วยทำ CPR ปั๊มหัวใจจนรอดชีวิต
ขณะที่หยุดหายใจไปคุณตาเผยได้ฝันเห็นยมทูตมารับตัวพร้อมถามชื่อนามสกุล แต่มารับตัวคนผิดจึงส่งกลับเลยฟื้นจากความตายกลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อเดือน ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ขณะนี้คุณตาแต๋ได้เสียชีวิตแล้วจริงๆ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลศพไว้ที่ศาลาวัดทุ่งสะเดียง ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบญาติๆ ได้ตั้งศพตาแต๋ไว้ที่กลางศาลาวัดดังกล่าว โดยนางดอกไม้ อายุ 48 ปี ลูกสาวของตาแต๋เปิดเผยว่า หลังจากหลังจากที่ตาแต๋วูบและเสียชีวิตแต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ในครั้งนั้นทำให้ทราบว่าพ่อป่วยเป็นเส้นเลือดใหญ่หัวใจรั่ว หลังจากพ่อแข็งแรงจึงได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษากระทั่งเมื่อ 3-4 วันก่อนพ่อมีอาการอ่อนเพลียจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พ่อมีอาการทรุดหนักและได้เสียชีวิตในเวลาประมาณ 16.00 น. ญาติๆ จึงได้นำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดทุ่งสะเดียงและจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 19 มี.ค.
นางดอกไม้เปิดเผยต่อว่า ในช่วงบ่ายของเมื่อวานญาติที่เฝ้าพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้ว ตนและญาติๆ จึงไปที่วัดเพื่อเตรียมปัดกวาดสถานที่เตรียมโลงเย็นเตรียมนิมนต์พระไว้เป็นที่เรียบร้อยแต่หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ญาติที่โรงพยาบาลโทรกลับมาบอกว่าพ่อฟื้นอีกแล้ว ตนคิดว่าน่าจะเหมือนครั้งก่อนจึงได้บอกยกเลิกการจองศาลา ยกเลิกนิมนต์พระและเตรียมจะไปเยี่ยมพ่อ แต่อีกสักพักญาติคนเดิมโทรมาบอกว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้วอีกครั้ง ทำให้ต้องกลับไปจองศาลาและนิมนต์พระอีกครั้งทำเอาวุ่นวายกันไปหมด แต่คราวนี้เสียชีวิตจริงๆ หลังจากนั้นจึงได้นำศพมาที่วัดทุ่งสะเดียง
โดยก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตได้บอกลูกๆ ไว้ว่าขอให้เอาศพไว้คืนเดียวเพราะจะเปลืองค่าใช้จ่าย และคืนที่ผ่านมาในขณะที่ลูกและญาติๆ ได้นั่งหาหารือเรื่องการจัดงานศพและมีความเห็นพ้องกันว่าจะตั้งศพสวด 3 คืน ทันใดนั้นไฟฟ้าได้ดับลงทั้งวัดทำเอาลูกๆ และญาติๆ ตกใจกระโดดกอดกันกลมด้วยความกลัว จากนั้นได้ไปจุดธูปบอกกล่าวว่าขอจัดงานศพ 3 วันเพื่อที่จะรอญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดจะได้มาร่วมงานได้ทัน จากนั้นไฟก็กลับมาติดดังเดิมสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
และนอกจากนั้นพ่อแต๋ยังได้บอกลูกหลานไว้ก่อนตายอีกว่าอย่าได้เสียใจและในวันเผาไม่อยากให้เปิดเพลงธรณีกรรแสงแต่อยากจะให้ลูกหลานนำกลองยาวมาแห่และรำนำหน้าศพเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศที่โศกเศร้าอยากให้ลูกหลานมีแต่ความสุข