จากกรณี ผอ.อ้อย หรือ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษาฯ อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ถูกอุ้มหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา พร้อมรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดินทางไปส่งบุตรสาววัย 8 ขวบที่โรงเรียน กระทั่งตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ได้ตรวจยึดรถยนต์ ผอ.อ้อย ได้จากอู่รถในพื้นที่ ต.หัวเรือ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมสั่งดำเนินคดี 4 ข้อหากับ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ผบ.ร.6 พัน.2ร้อย.2 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และนำไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบลายเซ็น ผอ.อ้อย ในเอกสารซื้อ-ขายรถ ไม่ตรงกับที่เคยเซ็นก่อนหน้านี้ และช่วงหายตัวไป ผอ.อ้อย ไปทำธุระกับผู้กองเหน่ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุดวันที่ 23 ส.ค. นายทหารพระธรรมนูญ กรมทหารราบที่ 6 (ผบ.ร.6) ได้ควบคุมตัว ร.อ.ศุภชัย หรือผู้กองเหน่ง โดยรถตู้ของทางราชการมายัง สภ.กันทรลักษณ์ เพื่อรายงานตัวกับ พ.ต.อ.ชัย ไชยพันธ์นา ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ศรีษะเกษ ตามวงรอบ 12 วัน ใน 4 ข้อหาที่โดนแจ้งไปก่อนหน้านี้ โดยทำการสอบประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงเดินทางกลับ โดยทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามผู้กองเหน่ง แต่ได้ส่ายศีรษะปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ไม่ยอมพูดอะไร สีหน้าเรียบเฉย
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.นิพล บุญเกิด รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่าขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งต้องให้เวลาชุดคลี่คลายคดีเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้รัดกุมที่สุด ส่วนมีกระแสข่าวว่าตำรวจทำงานช้านั้น ถือว่าในช่วงเวลาที่เริ่มสืบสวนในเชิงลึกนั้นถือว่าเราทำงานกันได้เร็วมาก และอยากให้เข้าใจการทำงานของตำรวจบ้างเพราะคดีเป็นที่ให้ความสนใจของประชาชนทั่วไปมากการทำงานต้องเริ่มความรัดกุมให้มากที่สุดรวมทั้งการแจ้งข้อหาเพิ่มนั้น ตำรวจขอเวลาเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งต้องรอผู้เชี่ยวชาญพิเศษตรวจสอบเพื่อความแน่ชัดก่อน จะดำเนินการต่อไป คาดว่าไม่น่าจะนานเกินรอ
