จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งร้องเรียนกับอมรินทร์ทีวีว่าถูกผู้หญิงชื่อนก ที่เจอผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ หลอกคบหาเพียง 3 เดือน และเชิดรถกระบะราคากว่า 900,000 บาท หนีไปตั้งแต่เดือนมกราคม 263 ที่ผ่านมา และไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี แล้วนั้น
วันที่ 16 มี.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ข้างวัดบัวขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายแจ็ค (นามสมมติ) ผู้เสียหายถูกหลอกเชิดรถ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2562 ตนมีปัญหาครอบครัว เลิกรากับภรรยาเก่า และเลี้ยงลูกชายวัย 11 ขวบ ลูกสาววัย 6 ขวบ เพียงคนเดียว ทำให้ตนตัดสินใจเข้าแอปฯหาคู่ในเฟซบุ๊ก จะหาแฟนมาช่วยกันดูแลลูก กระทั่งเจอ น.ส.นก ในแอปฯ เจ้าตัวอ้างว่ามีอาชีพเป็นไกด์ย่านสุขุมวิท กทม. และรับสอนพิเศษภาษาญี่ปุ่น รวมถึงมีธุรกิจกับบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากการพูดคุยทำให้รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โพรไฟล์ดี ไม่เหมือนมิจฉาชีพ จึงตัดสินใจคบหากัน
นัดเจอกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 62 ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง น.ส.นก อ้างว่าได้พาลูกทัวร์มาส่งเพื่อจะไปภาคเหนือ หลังจากนั้น น.ส.นก ก็นั่งรถประจำทางมาหาตนที่อะพาร์ตเมนต์ย่านนนทบุรี สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และมีความสัมพันธ์กับตนประมาณ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งที่ น.ส.นก มาหาตน สังเกตว่าเขาเดินทางด้วยความลำบาก อีกทั้งอ้างว่าเจ้าตัวไม่มีรถยนต์ใช้ เพราะเงินหมดจากพิษเศรษฐกิจ และต้องดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคลิ่มเลือดหัวใจอุดตันอยู่ต่างจังหวัด ตนเริ่มรู้สึกสงสาร จึงได้ให้ยืมรถกระบะฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีเทา ซึ่งช่วงแรกก็ยืมไป 3-4 วัน อ้างว่าขับรถไปทำงาน แล้วขับกลับมาคืนโดยเติมน้ำมันให้เต็มถัง ดูแลรถเป็นอย่างดี ทำให้ตนเกิดความเชื่อใจ
จากนั้น น.ส.นก ออกอุบายว่าจะผ่อนรถให้เดือนละ 12,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่าตนจะต้องโอนเงินที่ทำงานได้ไปให้เป็นเงินออม ตนก็หลงเชื่อและโอนเงินให้ครั้ง 1,000-2,000 บาท เกือบทุกวัน เป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน รวมเป็นเงินกว่า 100,000 บาท กระทั่งวันที่ 24 พ.ย. 62 น.ส.นก ยืมรถไปเกือบเดือนโดยที่ไม่เอารถมาคืน วันที่ 5 ธ.ค. 62 บริษัทไฟแนนซ์โทรศัพท์มาตามทวงหนี้และขู่ว่าจะยึดรถ เนื่องจากตนขาดผ่อนชำระมา 3 เดือน ทำให้ตนรู้ความจริง ส่วน น.ส.นก ก็ยืนยันจะชำระให้ค่างวดให้ จนกระทั่งวันที่ 8 ม.ค. 63 บริษัทไฟแนนซ์โทรทวงเงินตนอีกครั้ง ตนต้องทวงถามไปทาง น.ส.นก และมีปากเสียงกันรุนแรง สุดท้าย น.ส.นก ยืมรถของตนอีกครั้ง อ้างว่าจะนำไปเยี่ยมแม่ที่ผ่าตัดลำไส้ที่ จ.สมุทรสงคราม ตนก็เห็นใจและให้รถไป ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นมา ก็ไม่นำรถมาคืนอีกเลย
ล่าสุดตนสืบทราบว่า น.ส.นก กลับไปอยู่กับสามีที่ จ.ปราจีนบุรี และเชื่อว่าครอบครัวสามีเขารู้เห็นเป็นใจ ทำให้คนเชื่อว่า น.ส.นก เข้ามาเพื่อหลอกคบหากับตน และหวังประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตำรวจจับให้ได้โดยเร็ว
จากนั้น ทีมข่าวลงพื้นที่ย่านสาทร กรุงเทพฯ นายเมือง (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนเริ่มพูดคุยกับ น.ส.นก ผ่านแอปฯหาคู่ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 62 ซึ่งพูดคุยผ่านแชตประมาณ 1 สัปดาห์ น.ส.นก ก็ขับรถกระบะสีขาว ที่ตนทราบภายหลังว่าเป็นรถของนายแจ็ค มาหาที่บ้าน อ้างว่าเป็นรถของเจ้าตัว ซึ่งหลังจากนั้น น.ส.นก ก็มีความสัมพันธ์กับตน และไปมาหาสู่กันตลอด มาพักที่บ้านตน 2-3 วันและกลับไป โดยอ้างว่าไปทำงาน แล้วหายไป กระทั่งวันที่ 24 ม.ค. 63 น.ส.นก อ้างว่าจะขายรถกระบะในราคา 200,000 บาท เพื่อจะได้เอาเงินไปถอนจำนองที่ดินของแม่ ต่อมา น.ส.นก นั่งรถประจำทางมาที่บ้านของตน แล้วบอกว่าได้ขายรถไปแล้ว
จากนั้น น.ส.นก มายืมรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีเทาของตนไป บอกว่าจะไปทำงาน ยืมรถไปประมาณ 8 วัน หลังจากนั้นก็ย้อนกลับมาที่บ้านตน อ้างว่าจอดรถไว้ในตึกย่านอโศก กรุงเทพฯ ไม่สามารถเอารถออกจากตึกได้เพราะงานยังไม่เสร็จ และกุญแจอยู่ที่ห้องผู้จัดการชาวญี่ปุ่น ซึ่งตนก็หลงเชื่อ กระทั่งวันที่ 13 ก.พ. 63 ตนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง น.ส.นก ที่อาคารย่านอโศกอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน แล้วขาดการติดต่อไป
"ตอนที่ตนอยู่กับ น.ส.นก เจ้าตัวเอาใจใส่ตนมาก อาบน้ำให้หมาที่ตนเลี้ยง ดูแลตนทุกอย่าง ทำให้ตนไว้ใจ และเขาพูดภาษาญี่ปุ่นเก่ง ทำให้ตนเชื่อว่าเขาทำงานกับคนญี่ปุ่นจริง และเป็นช่วงที่ตนต้องการคนดูแล เพราะตนเพิ่งจะอกหักมา เขาเคยพาตนไปบ้านแม่ที่ จ.สมุทรสงคราม ทำให้ตนเชื่อผู้หญิงคนนี้ทั้งหมด" นายเมือง กล่าว
อย่างไรก็ตาม รถถูกเชิดหนีไป ราคา 860,000 บาท ตนต้องผ่อนเดือนละ 12,000 บาท อีก 32 งวด และ น.ส.นก ได้ขอเงินตนไป 70,000 บาท รวมทั้งขโมยสร้อยทองน้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 2 เส้นของหลานตนไปด้วย ซึ่งตนได้แจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ อยากให้ตำรวจจับให้ได้โดยเร็ว
