พระพยอม ชี้ พระออกแจกของช่วยน้ำท่วมไม่ผิด แนะควรมองตามสถานการณ์ อย่าวิจารณ์เยอะ
จากกรณีชาวเน็ตกำลังถกเถียงกันอย่างหนักในประเด็นที่พระสงฆ์ออกมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีความคิดเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย หลังเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดน่าน พระสงฆ์หลายรูปได้ลุยน้ำท่วมเพื่อแจกจ่ายอาหารและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าการที่พระสงฆ์ลงมาทำกิจกรรมช่วยเหลือเชิงโลกิยะเช่นนี้ไม่เหมาะสม กับบทบาทที่ควรมีความสำรวม ขณะที่อีกฝ่ายแย้งว่าในสถานการณ์วิกฤตพระก็เป็นมนุษย์ที่ควรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันโดยเจตนาของพระสงฆ์คือการบรรเทาทุกข์จึงไม่ควรถูกตำหนิ
ล่าสุดวันนี้วันที่19 ก.ย.67 ทีมข่าวสอบถามพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่มีเสียงวิจารณ์เรื่องพระสงฆ์ออกไปช่วยเหลือแจกของให้ผู้ประสบอุทกภัย ว่า ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่อย่างใด แต่ควรคำนึงถึงการปฏิบัติให้เรียบร้อย สำรวมหากไปแจกของด้วยความคึกคะนอง ก็ถือว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้าไปช่วยเหลือด้วยความสำรวมตามสมณเพศ ก็ถือว่าทำได้ในสถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้จะไปเคร่งครัดอะไรมากเกินไปไม่ได้ต้องรู้จักคำว่าสถานการณ์กันบ้าง “เหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก พระที่ออกไปช่วยเหลือก็ทำด้วยใจเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับผู้เดือดร้อนไม่ควรมานั่งช้ารออะไรหากรัฐบาลมาแจกของช้าก็โดนวิจารณ์ว่าช้าไป”
พระพยอม กล่าวต่อว่า สังคมไทยในปัจจุบันว่า “ประเทศไทยนี้มีนักร้องนักวิจารณ์เยอะบางทีวิจารณ์โดยไม่รู้ข้อมูลเช่นกรณีที่พระวิ่งเข้าห้องน้ำกระทันหันเพราะท้องเสียก็โดนวิจารณ์ว่า พระไม่สำรวมแต่คนเราก็ต้องมีลดหย่อนผ่อนปรนกันได้บ้างไม่ใช่ว่าต้องเคร่งเหมือนอยู่ในวัดตลอดเวลา” การที่พระสงฆ์ที่ออกไปช่วยเหลือในภาวะวิกฤตครั้งนี้ต้องลุยน้ำและเผชิญกับอันตรายเช่นกัน จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจและเห็นใจ “บางคนจ้องแต่จะเอาความสวยงามแต่ในสถานการณ์นี้น้ำท่วมหนักโคลนเลอะเทอะไปหมดพระจะไปช่วยตักโคลนให้โยมอยู่อย่างสุขสบายหรือทำอะไรก็ตามที่ช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับญาติโยมได้พระพุทธเจ้าก็สรรเสริญ”
พระพยอมยังกล่าวถึงคำสอนในพระพุทธศาสนาว่า “ถ้าญาติโยมตกทุกข์ได้ยากแล้วพระนั่งดูเฉยมันก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง” โดยย้ำว่าพระอรหันต์ทั้งหลายท่านนิ่งเฉยไม่ได้ท่านมีความขวนขวายและมีความกรุณาเป็นที่ตั้งทั้งนี้ฝากถึงผู้ที่วิจารณ์ว่า “ถ้าจะวิจารณ์ก็ขอให้มีข้อมูลที่ถูกต้องเสียก่อนเพราะการวิจารณ์โดยไม่รู้ข้อมูลจริงอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองในภายหลัง”