"สุดารัตน์" เจ็บตาลุยช่วยน้ำท่วมหนองคาย ลงเรือลุยน้ำส่งกำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพถึงหน้าบ้าน กำชับทีมไทยสร้างไทยช่วยประชาชนเต็มที่
ค่ำวันนี้ ที่จังหวัดหนองคาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาวทศพร จันทร์ศรี และนายกฤษฎา เข็มรัตน์ ทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ที่ชุมนุมบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 9 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย และพื้นที่ชุมชน ริมโขง ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยระดับน้ำนั้นยังสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งหลายชุมชนได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และหลายพื้นที่ งดจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
ที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลุยน้ำจากนั้นได้ลงเรือเข้าไปพบปะเพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ที่ติดอยู่ภายในชุมชน และต้องการเฝ้าบ้านเรือนเนื่องจากกังวลสิ่งของมีค่าจะสูญหาย หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยเปิดเผยว่า แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาใช้สายตาทำงานอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นความทุกข์จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวหนองคายแล้ว
จึงต้องลงพื้นที่มาให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากให้ผู้ประสบภัยในวันนี้ พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานซึ่งจะมีทีมไทยสร้างไทยหนองคาย นำโดยนายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาวทศพร จันทร์ศรี และนายกฤษฎา เข็มรัตน์ เป็นผู้ประสานงาน จะคอยติดตามให้ความช่วยเหลือ จนไปถึงติดตามข้อเรียกร้อง เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่าที่ผ่านมาพี่น้องคนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาตลอด แม้รัฐไทยจะมีหน่วยงานในการจัดการน้ำมากมาย และใช้เงินจำนวนมหาศาลในแต่ละปีแต่กลับขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ จึงเห็นภาพความเสียหายต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจมหาศาล พรรคไทยสร้างไทยจึงประกาศเดินหน้านโยบาย เพื่อแก้ปัญหา โขง เลย ชี มูล อย่างเป็นระบบ
ซึ่งจากการศึกษา พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ 103.5 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 63.85 ล้านไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ชลประทานเพียง 8.69 ล้านไร่ หรือ ประมาณ 13.6% เท่านั้น ทำให้เหลือ พื้นที่ทางการเกษตรที่ไม่มีระบบชลประทานมากถึง 55.16 ล้านไร่ ทั้งที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ที่ทุ่งกุลา มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา รวมทั้งเป็นภาคที่มีประชากรสูงที่สุด แต่กลับมีระบบชลประทานน้อยที่สุด
โครงการดังกล่าว จะทำให้ระบบคลองส่งน้ำและพื้นที่ชลประทานครอบคลุมทั้งภาคอีสาน 20 จังหวัด 281 อำเภอ เป็นพื้นที่ชลประทาน 31.78 ล้านไร่ คลองสายใหญ่จำนวน 6 สาย ความยาวรวม 2,271 กม. เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 1.36 ล้านครัวเรือน หรือ 5.39 ล้านคน ช่วยลดปัญหาภัยน้ำท่วมน้ำแล้ง ลดความเสี่ยงจากฝนตกล่าช้าและฝนทิ้งช่วง รวมถึงปริมาณฝนที่สูงเกินกว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งจะช่วยบรรเทาอุทกภัยจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างยั่งยืน